Sunday, December 15, 2013

Running Event 2013-12-15 : Ayutthaya Marathon 2013

Race #28 : Half Marathon #8 : Ayutthaya Marathon 2013

รถไฟฟรี
ครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถไฟเพราะเห็นว่าระยะทางจากสถานีรถไฟมายังที่พักที่จองไว้ไม่ไกลเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถไฟฟรีจากภาษีของประชาชน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นรถไฟฟรีนะ แต่พอไปที่สถานีบางซื่อ แจ้งเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่า "ไปอยุธยาครับ" เค้าก็ตีตั๋วฟรีมาให้ไม่มีตัวเลือกอะไรให้เลือก อะ ฟรีก็ฟรี ตอนจะขึ้นก็แอบงงนิด ๆ ว่าเรานั่งตรงไหนได้บ้างเพราะที่ตั๋วบอกว่า "ไม่มีที่นั่ง" เห็นคนเค้าก็นั่ง ๆ กันตามสะดวก ก็เลยนั่ง ๆ ไป ตากแดดไปซักพักใหญ่ ๆ ก็ถึงสถานีอยุธยา

รถไฟฟรีจากภาษีของประชาชน


มรดกไทย เกสต์เฮาส์
เนื่องจากจองช้าไปหน่อยเลยเหลือตัวเลือกไม่มาก เลยได้ที่ มรดกไทย เกสต์เฮาส์ ราคาถูกดี คิดว่านอนคืนเดียวไม่น่ามีปัญหาอะไร พอไปถึง (ขอบคุณคุณเพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับจากสถานีรถไฟไปส่งที่พักให้) ที่นี่เป็นเกสต์เฮาส์ ห้องพักอยู่ได้สบาย ๆ ข้อดีคือแอร์เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่นใช้งานได้ดี ป้องกันเสียงจากด้านนอกได้ดีมาก (มีงานเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ แต่แทบไม่ได้ยินเสียงเลย) ทำให้นอนสบายมาก ส่วนข้อเสียคือปลั๊กเป็นแบบ 2 รูแบบเก่า ไม่มีสายดิน ไม่มีทีวี (ก็ไม่จำเป็นนะ เพราะไม่ได้ดู) ตอนกลางคืนอินเตอร์เน็ตมือถือมีปัญหา (อาจจะเพราะมีงานเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ คนเลยเยอะมาแย่งสัญญาณกัน)

Expo by Unique Running
หลังจากเก็บของที่มรดกไทยเรียบร้อยก็เดินทางไปงาน Expo ขั้นตอนการรับเสื้อและ Bib ตลอดจนเช็คชิปก็ไม่ล่าช้าอะไร มีขายของเยอะเหมือนกันนะ แต่ไม่มีชิ้นที่ผมสนใจเลยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมา ในงานมีเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกให้เหล่านักวิ่งด้วย ดีจริง รถไฟก็ฟรี ยังมีข้าวฟรีอีก หุหุ ขอบคุณคร้าบ

โรตีอาบีดีน
หลังจากกินข้าวเย็น (ก๋วยเตี๋ยวยังไม่อิ่มมาก เลยต้องมากินผัดไทต่อแถวสวนสมเด็จฯ) นึกได้ว่าน่าจะซื้อโรตี ลองค้นดูพบว่าร้านอาบีดีนน่าจะดี ก็เลยเดินไปหาพบว่าเออดีจริง ๆ คนขายเป็นมิตรมากคุยไม่หยุด เป็นประสบการณ์การซื้อโรตีที่ประทับใจไม่เบา

หลังจากเข้า 7-11 เพื่อซื้ออาหารสำหรับกินตอนเช้าเรียบร้อยก็เดินกลับที่พัก ไกลอยู่นะ แต่สำหรับนักวิ่งระยะไกลมันก็ไม่ได้ไกลหรอก จริงมั้ย

ก่อนวิ่ง
เข้านอนตอนสามทุ่ม ตื่นตีสาม (ออกตัวตีห้าครึ่ง) กินกล้วยไป 2 ลูก แซนด์วิชทูน่า 1 อัน และแลคตาซอย 300 cc รู้สึกว่าจะอิ่มไปหน่อย เลยนั่งพักและแต่งตัวไปด้วย ออกจากที่พักประมาณตี 4 ครึ่ง เดินออกไปเจอพี่จุ๋งและคุณพ่อพอดี ดีใจที่ได้เจอทักทายและให้กำลังใจท่านทั้งสอง แล้วก็มุ่งหน้าไปงานวิ่ง เดินไปซักพักมีเสียงจากฝั่งตรงข้ามตะโกนมา "ไปงานวิ่งรึป่าวครับ" อ้อ พี่ ๆ หน่วยกู้ภัยที่มาให้บริการในงานวิ่งตะโกนมาถาม เราก็ว่าจะเดินไปนะ แต่ถ้ามีผู้ใจดีรับอาสาไปส่ง ไฉนเลยจะปฏิเสธน้ำใจใช่มั้ย เลยได้นั่งมอเตอร์ไซค์ไปงานวิ่ง สบายไป ฟรีอีกแล้ว

ก่อนวิ่งเจอเพื่อนนักวิ่งขาโหด จึงคิดว่าจะลองวิ่งตามดูว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน

หมดแรง
หลังจากปล่อยตัว ก็ลองวิ่งเกาะกลุ่มเพื่อนขาโหดไปซักพัก พบว่าเป็นเพซที่เร็วกว่าที่ซ้อมพอสมควร ลองฝืนไปจนไม่ไหว ก็เลยหมด... ซวยแล้วสิ กว่าจะถึงน้ำจุดแรกก็กิโลเมตรที่ 5 เกือบจะแห้งตายคาถนนซะแล้ว

หลังจากนั้นก็เดินสลับวิ่ง มันหมดแบบว่าหมดจริง ๆ เข็ดแล้วคราวหน้าจะไม่ซ่าอีก กระซิก ๆ

Bib และเหรียญ


รอบนี้ใช้เวลาวิ่งไปเกือบ 3 ชั่วโมง เวลาแย่มาก แต่ก็ถือซะว่าเพิ่งกลับมาซ้อมใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน สัปดาห์หน้าที่เชียงใหม่ก็คงไม่วิ่งเร็วมากเพราะตั้งใจจะช่วยกันลากน้องใหม่ระยะฮาล์ฟ 2 คนให้ถึงเส้นชัยให้ได้




Thursday, December 5, 2013

Running Event 2013-12-05 : Run for the King 2013 Water for Child

Race #27 : Quarter Marathon : Run for the King 2013 Water for Child

ไปเช้าได้เปรียบ
ออกจากบ้านประมาณตี 4 ครึ่ง ไปถึงสวนลุมพินีประมาณตี 5 หาที่จอดรถได้สบาย ๆ ไม่ต้องไปไกลนัก และไม่ต้องจอดขวาง

ออกตัวด้วยการเดิน
งานนี้คนค่อนข้างเยอะ และปล่อยตัวช้านิดนึง แต่ไม่ว่ากัน เพราะอากาศค่อนข้างเย็นสบาย พอปล่อยตัวก็ค่อย ๆ เดินออกไปช้า ๆ

วิ่งอย่างมีแผน
วันนี้ได้เตรียมแผนการวิ่งไว้ด้วยคือวิ่ง Tempo ช้า 2 km และเร็ว 2km สลับไปเรื่อย ๆ นิยามเพซช้าคือ 7 นาทีกว่า ส่วนเพซเร็วคือแถว ๆ 6 นาที

ช่วงหลังจาก 300 เมตรแรก จึงเริ่มวิ่งได้ และต้องวิ่งทำความเร็วพอสมควรเพราะต้องฝ่าผู้คนมากมายที่อัดอั้นตันใจมาจากการเลื่อนงานวิ่งหลาย ๆ งาน คนเลยเยอะมากถึงมากที่สุด วิ่งซอกแซกซ้ายขวา ขึ้นลงฟุตบาทเป็นว่าเล่น กว่าจะได้ปรับเพซให้ตรงตามที่วางแผนไว้ก็ต้องผ่านระยะ 2 กิโลเมตรไปแล้ว ซึ่งถึงตรงนี้ต้องวิ่งด้วยเพซเร็ว ก็จัดไป 2 กิโลเมตร จนถึง 4 กิโลเมตรค่อยผ่อนมาวิ่งเพซช้า

ปรับเพซทันใจด้วยคำสอน
เข้ากิโลเมตรที่ 7 กับ 8 ก็ปั่นเร็วได้ตามต้องการ โดยทุกครั้งที่ต้องการรีดความเร็ว จะต้องตั้งใจจัดท่าวิ่งให้ดี นึกถึงคำสอนที่แอบจำ ๆ มา โดยเฉพาะคำว่า “ยกส้นเท้า” พอนึกถึงคำนี้ปุ๊บ ปรับท่าวิ่งแล้วความเร็วมันก็เพิ่มขึ้นได้ทันทีเลยแฮะ ขอบคุณครูดินครับ (แอบลักจำมาจากคุณฮั้วอีกที อิอิ)

สนามวิ่งไม่อำนวย
กิโลเมตรที่ 9 กับ 10 จะต้องวิ่งช้า แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเพราะประมาณ กิโลเมตรที่ 9.5 จะต้องวิ่งผ่านแยกใหญ่ (ถนนสาทรตัดกับถนนพระรามที่สี่) เจ้าหน้าที่ก็เรียกตามเคย “เอ้าเร็วครับ เร็ว” … โอเค เร็วก็ได้ ก็เลยพยายามกดเพซกะให้เร็วจนถึงเส้นชัยเลย (มีน่องกระตุกเล็กน้อยตอนเร่งผ่านแยก โดยไม่มีผลอะไร สามารถวิ่งต่อได้สบาย) แต่ทางก็ไม่เอื้ออำนวยอีกเพราะพอเข้าถนนวิทยุก็ต้องวิ่งแถวตอนเรียงเดี่ยว เนื่องจากมีรถทัวร์จอดอยู่ริมทางมากมาย เลยปั่นได้แค่นั้น และเหมือนว่าแรงก็จะหมดด้วย เลยไม่ได้รีดแรงจนหยดสุดท้าย

หลังเข้าเส้นชัย
หลังจากเข้าเส้นชัย เดินไปอีกระยะหนึ่งถึงจะได้รับโล่ (งานนี้แจกโล่อันเล็กน่ารักแทนเหรียญ) แล้วก็เดินครับ เดินคูลดาวน์ไปเรื่อย ๆ ราว ๆ 700 - 800 เมตรจึงวนกลับมาหาที่ยืดเหยียดและรอเพื่อน ๆ

กินโอวัลตินไป 2 แก้วเล็ก และเดินฝ่าเหล่านักวิ่งกลับไปใกล้ ๆ เส้นชัยเพื่อหอบน้ำเปล่ามา 4 ขวด แจกตัวเองและเพื่อนอีก 3 คน คนละขวด

สรุป
สถิติวันนี้ดีทีเดียว สำหรับการวิ่งในเมือง 1 ชั่วโมง 12 นาที 2 วินาที บนระยะทาง 10.8 กิโลเมตร คิดเป็นเพซ 6 นาที 40 วินาที ต่อ กิโลเมตร อัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยอยู่ที่ 172 bpm เหนื่อยกำลังดี

Sunday, November 24, 2013

Running Event 2013-11-24 : เดิน วิ่ง สนตอ. ครั้งที่ 13 ต.อ. หนึ่งเดียว

Race #26 : Sub-quarter Marathon (8km) : เดิน วิ่ง สนตอ. ครั้งที่ 13 ต.อ. หนึ่งเดียว

หลังจากงานที่ 25 PTT Group Marathon ก็ไม่ได้เข้าแข่งรายการไหนอีกเลย เนื่องจากติดซ้อม และหลัง ๆ มีอาการเจ็บรองช้ำจึงหยุดไป 3 สัปดาห์เต็ม ๆ แต่หลังจากพบคุณหมอและทานยาก็คิดว่าน่าจะกลับมาวิ่งระยะสั้น ๆ ได้บ้าง

ข่าวสารจากเพื่อนเก่า
งานนี้เพิ่งทราบจากเพื่อนทาง Facebook ว่ามีจัด และเป็นครั้งที่ 13 เชียว นี่เราก็จบจากเตรียมฯ มาตั้งกี่ปีแล้วนะ... เอิ่ม อย่านับเลยมันเยอะ นับไม่ถูก จบมาตั้งนาน แต่ไม่เคยได้ข่าวซักครั้ง เออก็แปลกดี เมื่อได้รับข่าวปุ๊บก็รีบตอบรับทันที 4 ใบ แบบไม่คิดอะไรมาก กะว่าไปวิ่งคนเดียวก็ได้ ที่เหลือก็เอาเสื้อมาแจกคนอื่น แต่บังเอิญมีน้อง ๆ สนใจ ก็เลยขายต่อบัตรไป ร่วมกันทำบุญไปครับ

มาช้าก็ลำบากหน่อย
ผมไปถึงงานก่อนตีห้าเล็กน้อยทำให้ทางเข้าที่จอดรถตรงคณะอักษรฯ จุฬาฯ ยังไม่เปิด เลยดุ่ม ๆ เข้าไปหาที่จอดในเตรียมฯ เห็นมีรถขับเข้าไปก็เลยติดสอยห้อยตามไปด้วย ได้ที่จอดติดสนามฟุตบอลเลย โชคดีไป

แต่น้องอีกคันนึงมาช้าไปนิด เลยทำให้หาที่จอดลำบาก แนะนำว่าถ้าใครจะมางานนี้ควรมาเช้ามาก หรือไม่ก็ไม่ควรนำรถมาเพราะที่จอดค่อนข้างจำกัดจริง ๆ จะให้จอดที่ตึกจอดรถตรงคณะอักษรฯ จุฬาฯ ผมว่าก็ออกจะไกลไปนิดหนึ่ง ถ้าจะไปจอดตรงนั้นแนะนำให้นำเป้มาใส่ของและฝากตรงตึก 8 จะสะดวกกว่าเดินกลับไปกลับมาครับ

อลังการสนามกีฬา
เนื่องจากไม่ได้กลับมาเยี่ยมโรงเรียนนานมาก (หรือมาแต่ไม่ได้แวะเข้ามาข้างในมากนัก) ทำให้ไม่ทราบว่าตอนนี้สนามฟุตบอลของเตรียมฯ มีอัฒจันทร์ มีรั้วรอบขอบชิด และมีลู่วิ่งสวยงาม สมัยผมเรียนจำได้ว่าเป็นสนามหญ้า 2 สนาม มีโกล์ฟุตบอลตั้งไว้ให้เล่น มีรั้วบ้างเล็กน้อย

อบอุ่นร่างกาย
เนื่องจากสนามมีลู่ให้วิ่ง ก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ 2 รอบสนาม ก็ประมาณ 800 เมตร แล้วก็มายืดเหยียด ซึ่งตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาประมาณ 5.45น. ได้ยินประกาศว่าจะปล่อยตัว 6.30น. เอิ่ม... อีกนานเลย ก็เลยอบอุ่นร่างกายแต่เพียงเท่านั้นก่อน ค่อยทำอีกครั้งก่อนวิ่งซัก 20 นาที

แอบขำผู้ดำเนินรายการประกาศว่า "เดี๋ยวจะมีผู้นำอบอุ่นร่างกายนะครับ ผมไม่ได้ห่วงนักวิ่งนะ แต่ผมห่วงนักเรียนของเราเนี่ยแหละ วัน ๆ คงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกัน"

ก็เด็กเตรียมฯ หนะนะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกันหรอก สมัยผมเรียน (อ้างอีกแล้ว) ผมเหมือนเป็นตัวประหลาดเพราะชอบเล่นกีฬา ในขณะที่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเรียนซะมาก แค่จะเตะฟุตบอลนี่ต้องรวบรวมพลังมากมายกว่าจะครบทีม

วิ่งแบบเจียมตัว
เนื่องจากเป็นการกลับมาวิ่งครั้งแรกหลังจากอู้ เอ้ย! พักจากอาการบาดเจ็บ ไป 3 สัปดาห์ จึงเริ่มด้วยเพซ 8 นาทีต่อกิโลเมตร แล้วค่อย ๆ ลดลงมาคงที่ ที่ 7 นาทีต่อกิโลเมตร สำหรับระยะทางแค่ 8 กิโลเมตรถือว่าช้ามากทีเดียว แต่คิดว่าน่าจะดีกับร่างกายที่เพิ่งกลับมา

วิ่งจับใจ
เป็นครั้งแรกที่วิ่งโดยใช้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ  (HR, Heart rate) ถึงกับตกใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้วัดขณะปั่นจักรยานพบว่าแทบไม่เคยเกิน 150 ครั้งต่อนาที ครั้งนี้วิ่งไปไม่ถึงครึ่งกิโล HR ปาเข้าไป 160 แล้ว แต่ก็ไม่เหนื่อยมากนะ ก็เลยไม่ได้ลดเพซลงมา พยายามให้คงที่ไม่เกิน 180

ขายหน้าหลังเข้าเส้นชัย
หลังจากเข้าเส้นชัยรับเหรียญที่ระลึกเรียบร้อย ก็เดินไปหาน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่และของกินตามซุ้มที่มีอยู่มากมาย เพียงพอกับนักวิ่งทุกท่าน ขณะที่กำลังกินอยู่นั้นก็ได้ยินประกาศว่า "นักเรียนที่เดินช่วยชิดขวาเพื่อหลีกทางนักวิ่งด้วยนะครับ" อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กเตรียมฯ ไม่สนใจ คือไม่รู้ไม่ได้ตั้งใจฟัง หรือฟังแต่ไม่ทำตาม ก็ชั้นจะเดินแบบนี้หนะ

ทำให้ผู้ประกาศเปลี่ยนการประกาศเป็น "นักวิ่งสามารถวิ่งชนคนที่เดินเกะกะได้เลยนะครับ เพราะประกาศภาษาไทยแล้วไม่เข้าใจกัน" แบบว่า ผมอายนะ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าคนหนึ่ง รู้สึกอายมาก เหมือนโดยตบคว่ำแล้วกระทืบซ้ำกันเลยทีเดียว แอบเศร้า...

สรุป
วัดระยะทางที่วิ่งได้ 7.6 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 51 นาที 56 วินาที คิดเป็นเพซเฉลี่ย 6 นาที 51 วินาทีต่อกิโลเมตร ก็ถือว่าไม่เลวสำหรับการกลับมาวิ่งอีกครั้ง

และการวิ่งในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า "ผมรักการวิ่ง" ได้วิ่งแล้วมันสดชื่น สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจที่ได้วิ่งในวันนี้ครับ



Saturday, November 2, 2013

Weekly Training Summary 2013-10-28 to 2013-11-03

วันอังคารที่ 29 ต.ค. 56 : วิ่ง 6 กิโลเมตร
ลองวิ่งด้วยรองเท้าคู่ใหม่ (รุ่นเดิม แต่คนละสี) จะได้ให้มันบานและเข้ากับเท้าทันมาราธอนพอดี

ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่ก่อนวิ่ง เพราะลืมเอาสายรัดแว่นมา ทำให้ต้องวิ่งด้วยสายตารางเลือน ดีที่คุ้นกับทางวิ่ง มิเช่นนั้นแล้วคงมีล้มหัวคะมำบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. 56 : วิ่ง 10 กิโลเมตร
กลับมาใช้รองเท้าคู่เก่า เพราะกลัวว่าถ้าวิ่งไกลหน่อย กับคู่ใหม่จะมีปัญหา วิ่งได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร พักกินน้ำและเดินทุก 2 กิโลเมตรได้ตามที่ตั้งใจ

วันเสาร์ที่ 2 พ.ย. 56 : วิ่ง 6 กิโลเมตร
สลับใช้คู่ใหม่ มันจะได้บานบ้าง

วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย. 56 : วิ่งยาว 23 กิโลเมตร
เริ่มวิ่ง 6 โมงนิด ๆ เหตุผลหนึ่งที่ไม่เริ่มเช้ากว่านี้ (ตี 5) เพราะอยากลองอากาศช่วง 9 - 10 โมง ว่าสภาพร่างกายจะเป็นยังไง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ... อยากนอนเยอะ ๆ หน่อย (อีกมุมก็คืออยากตื่นสาย อิอิ)

วันนี้แปกเป้น้ำ 3 ลิตรมาใช้ด้วย จะได้ไม่ต้องออกมาเติมน้ำใส่กระติกบ่อย ๆ ช่วง 8 กิโลเมตรแรกวิ่งได้ตามที่ตั้งใจ แต่หลังจากนั้นเละ จากเดิมที่จะพักเดินทุก ๆ 2 กิโลเมตร ก็ต้องย่นเป็นทุก ๆ 1 กิโลเมตร ช่วงหลัง ๆ นี่หนักเลย เดิน 200 เมตร วิ่ง 300 เมตร เกินกว่านั้นไม่ไหว

ตั้งแต่ 16 กิโลเมตร รู้สึกว่า Hamstring ที่ขาซ้ายเหมือนจะพร้อมเป็นตะคริว เลยต้องปรับแผนเดินสลับวิ่ง ตอนแรกเดิน 100 เมตร วิ่ง 400 เมตร สุดท้ายจบที่ เดิน 200 เมตร วิ่ง 300 เมตร เฮ้อ ชีวิต

อากาศช่วง 8 - 10 โมง ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรมาก เพราะวันนี้มีลมเย็น ๆ พัดเป็นระยะ ๆ มีต้นไม้ให้ร่มเงาเกือบตลอดทาง ที่ต้องพักเดินมี 2 สาเหตุคือเหนื่อย (หัวใจเต้นแรงและหอบ) กับกล้ามเนื้อขาเริ่มรวน กลัวจะบาดเจ็บเลยต้องพัก

สรุปว่าวันนี้วิ่ง (และเดินซะเยอะ) ได้ระยะทางตามเป้าหมายคือ 23 กิโลเมตร แต่เวลานี่พลาดไปเยอะ ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง 23 นาที 47 วินาที (เพซ 8 นาที 46 วินาที ต่อกิโลเมตร)

Saturday, October 26, 2013

Running Event 2013-10-27 : PTT Group Marathon 2013

Race #25 : Half Marathon #7 : PTT Group Marathon 2013

ก่อนแข่ง
ก่อนเดินทางวันเสาร์ ก็ยังไปวิ่งซ้อมที่สวนรถไฟตามปรกติด้วยระยะ 6 กิโลเมตรสบาย ๆ จากนั้นก็เดินทางไปแวะกินข้าวกลางวันที่กลางมอเตอร์เวย์ และตรงเข้าที่พักที่ Phavina Serviced Residence อยู่ติดถนนสุขุมวิท ประทับใจ Phavina ตรงที่มีรูปลั๊กให้เยอะดี เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มีอุปกรณ์และที่ชาร์จติดตัวเยอะอย่างผมและเพื่อนร่วมทริป

เมื่อเก็บของไว้ที่ห้องพักเรียบร้อย จึงออกเดินทางไปงานวิ่งที่สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ (งานจัดหน้าสนามฟุตบอล ปตท.​ระยอง) ไปกัน 4 คน มีปัญหาตอนรับ Bib อยู่ 1 คน เพราะผู้จัดงานสะกดชื่อผิดทำให้หาไม่เจอ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี

จากนั้นก็ไปโหลดคาร์บกันที่ Sizzler ในศูนย์การค้าแหลมทอง (แนะนำห้างโดยน้องเจ้าถิ่นที่แสนน่ารัก) กินอิ่มกันจนไม่รู้จะอัดอะไรเข้าไปได้อีก แต่ตอนเย็นก็ยังไปกินอาหารที่แหลมเจริญซีฟู้ดร้านแรก ปิดท้ายวันด้วยการเยี่ยมชมกิจการของเพื่อนน้องเจ้าถิ่น และกลับไปดู Liverpool ได้ครึ่งนึงก่อนที่จะนอนประมาณ 4 ทุ่มนิด ๆ

วิ่งกันแต่เช้าตรู่
เวลาออกตัวของ Half Marathon คือ 4.30น. เนื่องจากที่พักอยู่ไม่ไกลจุดออกตัวนัก จึงไปถึงซะเฉียดฉิว ได้วอร์มประมาณ 10 นาทีนิด ๆ แต่เนื่องจากไม่รีบอยู่แล้วตอนออกตัวก็ค่อย ๆ ไปเกาะกลุ่ม (ท้าย ๆ)

ไม่ต้องพูดถึงแดด เพราะกว่าแดดจะมานี่ก็หลังจากกลับตัวที่ครึ่งระยะทางมาแล้ว ออกตัวเช้า ๆ มันก็ดีอย่างนี้แหละ วิ่งสบายไม่ถูกแดด

แต่ก็มีข้อเสียคือ ช่วง กิโลเมตรที่ 3 ถึง 8 มืดสุด ๆ และไม่ได้กั้นกรวยไว้ด้วย ผมคิดว่าตรงนี้ค่อนข้างอันตราย การกั้นกรวยก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่นักวิ่งอาจจะต้องช่วยด้วยคือสวมใส่เสื้อผ้าสีสะท้อนแสง หรือมีอุปกรณ์สะท้อนแสง (มีแสงในตัวได้ยิ่งดี)

เนิน เนิน และเนิน
สนามนี้เป็นทางตรง ตรงแบบตรงจริง ๆ นะ  ตรงแหนว ไม่มีเลี้ยว ไม่มีเฉียงเลย วิ่งบนถนนใหญ่ เส้น 3191 พอถึงจุดกลับตัวก็กลับมาทางเดิม แต่คนละข้าง

สิ่งที่เป็นจุดเด็ด ไม่ใช่เด่นนะ เด็ดเลย ของสนามนี้คือเนินมากมายที่รอท้าทายนักวิ่ง ช่วงก่อนกลับตัวนี่เด็ดเลย ขึ้นสุดลงสุด เห็นกันจะ ๆ อย่างนั้นเลย ก็ได้แต่สวมหัวใจหอยทากวิ่ง ๆ คลาน ๆ ไป

ที่ประมาณ กิโลเมตรที่ 19 น่องซ้ายมีกระตุกเล็ก ๆ แต่ไม่เป็นปัญหาอะไร สามารถวิ่งต่อได้ด้วยเพซเดิม

สรุป
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วิ่งได้ดี คิดว่ามีหลายองค์ประกอบที่เกื้อหนุน ตั้งแต่ออกตัวเช้าตรู่ ไม่โดนแดด มีแรงขับจากเพื่อนนักวิ่ง และการนอนที่ค่อนข้างพอเพียง (ผมว่ายังน้อยไปนิด) แม้ว่าจะเจอเนินมากมายแต่ก็ไม่มีหมดแรง

สถิติในวันนี้คือ 2 ชั่วโมง 39 นาที 43 วินาที ก็ไม่เลวนักสำหรับทางเนินขนาดนี้ ^_^

ถ้าไม่ติดขัดอะไรปีหน้าก็ว่าจะมาวิ่งอีก กับสนามนี้ครับ วิ่งสนุกดี ได้ทดสอบสมรรถนะของเกียร์ของตัวเอง รถน้อย และไม่หลงแน่ ๆ ตรงโลด

อ้อ... ต้องบันทึกไว้ด้วยว่าความรวดร้าวหลังแข่งวันนี้ก็คือ ปวดกล้ามเนื้อหน้าขา (Quadriceps) ไป 3 วัน โดยแอบไปซ้ำด้วยการวิ่ง 6 กิโลเมตรในวันอังคาร ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บเพิ่มนะ เหมือนกล้ามเนื้อจะชอบเสียด้วยซ้ำ

Sunday, October 13, 2013

Weekly Training Summary 2013-10-07 to 2013-10-13

สัปดาห์นี้ได้ซ้อมครบ 4 วัน (นาน ๆ จะทำได้ครบซักที)

วันอังคารที่ 8 ต.ค. 2556 : วิ่ง 5 โล
วันนี้ปล่อย BB (Brain-Body) ทำงานวิ่งไปตามที่สมองและร่างกายสั่ง โดยไม่ต้องดู pace มีพักเดินกินน้ำที่ 2 และ 4 กิโลเมตรแป๊บเดียว มีฝนโปรยเล็กน้อยก่อนถึงระยะ 2 กิโลเมตร แต่พอหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยรู้สึกว่ามีฝน เพราะเหงื่อมันออกมากกว่าฝนที่ตกลงมาเสียอีก พอจบกิโลเมตรที่ 5 ก็วิ่งเหยาะ ๆ สักพักจึงกดหยุดและเดินคูลดาวน์ต่ออีกประมาณ 700 เมตร แล้วค่อยยืดเหยียด

รอบนี้วิ่งเหนื่อยอยู่นะ แต่ก็ไม่มากน่าจะ zone 2 ถึง 3 ปลาย ๆ (ยังไม่ได้หา Heart rate monitor มาใช้ก็งี้ เดา ๆ เอาต่อไป) ไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ เหมือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะปรับวิธีการผูกปมเชือกรองเท้าให้หลวมขึ้นนิดหน่อยจะได้ไม่รัดข้อเท้ามากเกินไป แต่ผูกตัวปมให้แน่นโดยการผูกสองทบ ซึ่งก็ใช้การได้ดีแน่นจนถึงบ้านเลย

วันพฤหัสบดีที่ 10 ต.ค. 2556 : วิ่ง 8 กิโลเมตร
วิ่งด้วย BB (ที่ไม่ใช่ BlackBerry) ไม่เหนื่อยมาก พักเดินทุก 2 กิโลเมตร ประมาณ 30 - 60 วินาที

วันเสาร์ที่ 12 ต.ค. 2556 : วิ่ง 5 กิโลเมตร
วิ่งเป็นเพื่อนนักวิ่งหน้าใหม่ที่ต้องการวิ่งให้ได้ครบ 5 กิโลเมตร และวันนี้เค้าก็สามารถทำได้สำเร็จด้วย

กิโลเมตรแรกผมวิ่งคนเดียวเพราะตื่นสาย ต้องตามมาสมทบทีหลัง เลยรีบวิ่งลัดเลนกลาง (ขอโทษคร้าบ) ไปเจอเพื่อนก่อน จากนั้นก็วิ่งด้วยอัตราเร็วของเจ้าตัวเลย

วันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค. 2556 : วิ่งยาว 16 กิโลเมตร
วันนี้ลองของใหม่ 2 อย่าง คือ เป้น้ำ 3 ลิตร (แต่ใส่น้ำมาประมาณ 2.5 ลิตร) วิ่งไปก็เขินไป เพราะเสียงน้ำกระฉอกดังมาก โผลก ๆ ๆ ๆ ตลอดทาง

ของใหม่อีกอย่างก็คือ Clif Organic Gel แวะกิน Gel ตอน 8 กิโล เพราะมีถังขยะให้ทิ้งซองพอดี รสชาติดีทีเดียวแหละ

วิ่งจนครบระยะน้ำก็ยังไม่หมด แต่มาหมดตอน Cool down แสดงว่าคิดถูกแล้วที่ซื้อขนาด 3 ลิตร ไม่งั้นไม่พอกินแน่ แต่นี่แค่ 16 กิโลเองนะ ถ้าซ้อม 30+ โลก็คงต้องเติมอยู่ดีแหละ

สรุป
เพซการวิ่งยาวสัปดาห์นี้อยู่ที่ 8 นาที 19 วินาที ถ้าสามารถคงเพซไว้ได้ ก็จะจบมาราธอนที่ 5 ชั่วโมง 50 นาที 55 วินาที

การวิ่งรู้สึกว่ายังเหนื่อยอยู่มาก แต่คิดว่าไม่ควรจะวิ่งช้ากว่านี้แล้ว อาจจะต้องเพิ่มการฝึก Interval เพื่อเพิ่มความอึด

Sunday, July 21, 2013

Running Event 2013-07-21 : Pattaya Marathon 2013

ก่อนวิ่ง

พัทยามาราธอนเป็นงานวิ่งใหญ่งานหนึ่งประจำปี ตอนวางแผนว่าจะมาก็ไม่ได้ดูปฏิทินว่าตรงกับช่วงหยุดยาวพอดี ดังนั้นขามาจึงค่อนข้างลำบากเพราะรถติดบนมอเตอร์เวย์อย่างยาวนาน ออกจากบ้าน 11 โมง กว่าจะถึงที่พัก แถวนาเกลือก็ 4 โมงเย็นเลยทีเดียว เฮ้อ... เหนื่อยนะ

จากที่พักเห็น Centara Grand Mirage ด้วย สวยดี


แถมการเดินทางจากที่พักไปถึงงาน (Central Festival Pattaya Beach) เพื่อรับเสื้อ Bib และ Chip นั้นก็เหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย กว่าจะไปถึง และหาที่จอดรถได้ก็เมื่อยทีเดียว

คนล้นหลาม

ผมสมัครผ่านเวบ GAA ไว้ และมีอีเมลมาแจ้งว่าให้ไปติดต่อที่บูทของ GAA เพื่อรับของ เดินวนรอบแรกไม่เห็น (ตาถั่วเอง) พอเดินมาอีกรอบก็รู้ตัวว่าพลาดซะแล้ว เพราะตอนผ่านไปรอบแรกคนว่างโล่งโจ้ง แต่พอมารอบสองเจอทัวร์นักวิ่งจากจีนแถวยาวเหยียดเลย ก็ต่อแถวไป ของที่ได้สำหรับนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนคือ เสื้อ กระเป๋า Bib 2 ใบ (ติดด้านหน้าและด้านหลัง) และ Chip (ตอนกลับตัวได้ของที่ระทึกน่าสะสมเพิ่มด้วยนะ)

หลังจากรับของเรียบร้อย ก็ไปแวะเอาของที่สั่งไว้กับบูท BananaRunning คือ SpiBelt Endurance 1 เส้น, Compressports R2 ขนาด T3 จำนวน 2 คู่ กว่าจะเดินตามถนนด้านหน้าห้าง จนถึงร้านได้ก็นึกว่า เอ... เราเดินเลยร้านมาหรือยังนะ เพราะร้านเยอะมาก ๆ กลัวตาถั่วอีกรอบ และแล้วเดินจนจะสุดบริเวณที่จัดงานก็เจอบูทจนได้ งานนี้ท่าทางจะขายดีเพราะคนเต็มร้านไปหมด ได้รับของตามที่สั่งไว้เรียบร้อยก็ถึงเวลาหาอะไรกิน ตุนพลังงาน อ้อ ได้ซื้อ Gu Gel 2 ซองจากอีกร้านนึงด้วย รส Espresso กับ Blueberry เดี๋ยวตอนวิ่งจะบอกว่ารสชาติเป็นยังไง

อาหารเย็นวันนี้คือ Sizzler จัด Pasta ซะ 2 จาน คิดว่าน่าจะเพียงพอ (เพราะกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อิ่มเกิน) ก็รีบกลับไปที่พักเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้โดย ติด Bib เข้ากับเสื้อวิ่งของงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติด Chip เข้ากับรองเท้า ลอง Compressports R2 พบว่ารู้สึกกระชับดี น่าจะช่วยการวิ่งในวันรุ่งขึ้นได้ดี และสุดท้ายคือรีบนอน มีสมาชิกทริป (ยอด) เตรียมกล้วยหอมเอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วย ได้หลับประมาณห้าทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3

ตื่นตามนาฬิกาปลุกและขับรถพาสมาชิกรวม 4 คนไปที่งานวิ่ง ตั้งใจว่าจะรีบไปก่อนที่จะปล่อยตัวนักวิ่งระยะแรก แต่พบว่าปิดถนนเรียบร้อยแล้ว พอไปถึงถนนพัทยาสายหนึ่งได้ก็รีบจอดรถแถว ๆ ปากซอยพัทยา 6 แล้วจึงเดินต่อไปที่จุดปล่อยตัว ระหว่างเดินไปได้สักพัก ได้ยินสัญญาณการปล่อยตัววีลแชร์มาราธอน จึงหยุดยืนเพื่อปรบมือให้กำลังใจกับวีลแชร์มาราธอนทุกท่านจากใจ

พอเดินถึงงานได้สักพักก็ถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน (4.30น.) จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนอีกครั้ง เวลาได้เห็นนักวิ่งมาราธอนออกตัวแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจยังไม่รู้สินะ อ้อ ปิดท้ายขบวนนักวิ่ง 800 กว่าคนด้วย พี่จุ๋ง และคุณพ่อ ให้กำลังใจคุณพ่อพี่จุ๋งเต็มที่ครับ สู้ ๆ ครับ หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวผมและยอดแล้ว

เริ่มวิ่ง

ออกตัวช้า ๆ ตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 8 นาที พอวิ่งผ่านรถก็ลองดึงประตูดูว่าลืมล็อครถหรือเปล่า พบว่า... ล็อคแล้ว เออแสดงว่ายังไม่ขี้หลงขี้ลืมนัก หลังจากเริ่มวิ่งไปได้ประมาณกิโลกว่า ๆ รู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่เข่าและข้อเท้าซ้าย แต่อาการก็คลายไปเมื่อวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง คิดว่าคงเป็นเพราะวอร์มไม่ค่อยเยอะ ก็ยังดีที่ออกตัวแบบช้า ๆ หน่อย ร่างกายจะได้ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับการวิ่ง

ทางในช่วงแรก (และพบว่าก็เป็นแทบตลอดเส้นทางนั่นแหละ) เป็นเนินยาว ๆ กันไปเลย ขึ้นลงภูเขากันตลอดทาง มีทางราบบ้างเป็นระยะพอให้ได้พัก ทางลงเนินก็จัด Negative Split ไป เช่น กิโลเมตรที่ 4 เป็นช่วงที่วิ่งเร็วที่สุดในครึ่งทางแรก (Pace 7:25) ตามมาด้วยกิโลเมตรที่ 7 (7:26) และกิโลเมตรที่ 9 (7:31)

ช่วงกิโลเมตรที่ 6 - 9 เป็นช่วงที่ต้องเจอกับนักวิ่งควอเตอร์ ในตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้าไปมั้ย เพราะโดนแซงแบบฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว แต่คนที่แซงจะเป็นนักวิ่งที่ไม่มี Bib อยู่ข้างหลัง เลยนึกได้ว่า อ้อ คงจะเป็นนักวิ่งควอเตอร์ เพราะเค้าให้ Bib แค่แผ่นเดียว แปะด้านหน้าอย่างเดียว หลังจากนักวิ่งควอเตอร์กลับตัวและวิ่งออกไปจากเส้นทางฮาล์ฟ ผมก็ได้วิ่งอย่างไม่ต้องพะวงมากนัก คือกลัวว่าจะไปขวางทางคนที่วิ่งเร็วกว่าแล้วทำเค้าล้มเพราะหลบเรา

กิโลเมตรที่ 10 ณ จุดให้น้ำ ผมหยุดพักเพื่อกิน Gu Gel รส Espresso พบว่า อร่อยกว่า Power Gel รส Vanilla เยอะเลย คราวที่แล้วยังรู้สึกจะแหวะกับ Power Gel รส Vanilla อยู่เลย แต่มาคราวนี้ประทับใจกับ Gu Gel รส Espresso สุด ๆ ถ้าเจออีกคงต้องซื้อยกแพค เพราะมีงานฮาล์ฟมาราธอนรออยู่อีกเพียบเลย

กิโลเมตรที่ 11 เป็นจุดกลับตัวของระยะฮาล์ฟมาราธอน ได้รับ Wristband สีฟ้าเป็นของที่ระทึกกลับบ้านด้วย และเนื่องจากเหลือระยะอีกครึ่งทาง และร่างกายบอกว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เหนื่อย บวกกับความห้าว จึงทำให้ลองวิ่งเร็วขึ้น พบว่าวิ่งเร็วขึ้นได้จนถึง กิโลเมตรที่ 16 (Pace เฉลี่ยประมาณ 7 นาทีนิด ๆ)

กิโลเมตรที่ 12 กว่า ๆ มีฝนตกปรอย ๆ พอวิ่งไปได้อีกแป๊บหนึ่งก็หยุด กิโลเมตรที่ 13 กว่า ๆ มี Ambulance เปิดหวอวิ่งสวนไป ในใจก็คิดว่าขอให้นักวิ่งปลอดภัยนะครับ

กิโลเมตรที่ 17 เริ่มเดินสลับวิ่งบ้าง เพราะรู้สึกว่าต้นขาและน่องมีปัญหานิดหน่อย

ช่วงที่ผ่านถนนคนเดิน

กิโลเมตรที่ 19 ครึ่ง ช่วงผ่านถนนคนเดิน หยุดวิ่งเพราะเห็นพี่นักวิ่งจาก IRPC ที่อยู่ข้างหน้าหยุดและกระเผกออกจากทางวิ่ง คิดว่าน่าจะเป็นตะคริวที่น่อง จึงหยุดและถามพี่เค้าว่าให้ช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ไหมครับ พี่เค้าก็โอเค จึงได้ช่วยดันเท้าพี่เค้าประมาณ 2 - 3 นาทีจนกล้ามเนื้อคลาย และวิ่งต่อได้ จากนั้นผมก็วิ่งนำพี่เค้าไปพักนึง จนผมเริ่มไม่ไหวเอง จึงหยุดเดินและพี่เค้าก็วิ่งแซงไปในที่สุด ผมรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเพื่อนนักวิ่งระหว่างการวิ่งครับ (อย่างนี้ผิดกติกามั้ยอะ?)

เห็น Hilton ลิบ ๆ

กิโลเมตรที่ 20 น่องเริ่มไม่ไหว น่าจะใช้แรงมากไปจะเกือบเป็นตะคริว เลยต้องวิ่งประคอง ๆ ไปจนเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด

เข้าเส้นชัย

สถิติส่วนตัววันนี้วิ่งได้ระยะ 21.3 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 46 นาที 29 วินาที Pace เฉลี่ย 7:49 นาทีต่อกิโลเมตร เป็นสถิติส่วนตัวใหม่ของระยะฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งถ้ายังไม่สามารถพัฒนาร่างกายให้ทนทานและแข็งแรงได้มากกว่านี้ก็ไม่น่าจะทำสถิติได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่แล้ว

รอบนี้เหรียญไม่หมด


Wristband สวยดีนะ ชอบครับ

บทสรุป

โดยรวมผมคิดว่าวันนี้ผมวิ่งได้ค่อนข้างดี ฟอร์มการวิ่งในช่วงกิโลเมตรที่ 11 - 16 ถือว่าสุดยอดเลย ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้น่าจะเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่
  • การรักษาวินัยในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนอนไม่ดึก (แอบดึกไปวันนึงเพราะต้องทำงาน) ดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซ้อมพอประมาณ ไม่หนักจนเกินไป ดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะวิ่งเสมอ
  • Compressports R2 ที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อน่องให้ทำงานได้อย่างดี แม้ว่าจะมีอาการตอนท้าย แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนวิ่งที่สุโขทัยมากทีเดียว
  • Gu Gel รส Espresso ที่กิโลเมตรที่ 10 อร่อยและได้พลังงาน!
  • การศึกษาการวิ่งเท้าเปล่ามาเล็กน้อย โดยนำมาทดลองปรับท่าวิ่งในช่วงที่วิ่งเร็ว พบว่าทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น


Monday, July 15, 2013

Weekly Training Summary 2013-07-08 to 2013-07-14

วันอังคาร ตีแบด 2 เซต (พักตรงกลางเกือบครึ่งชั่วโมงน่าจะได้)

วันพฤหัสบดี วิ่งเร็วตอนเช้า 5km รู้สึกว่าเหนื่อยเกินจำเป็น

วิ่งช้าตอนเย็น 7.5km เพิ่งเคยทำ Double Run รู้สึกว่าตอนเย็นรอบหลัง ๆ วิ่งสบาย แต่ฝนดันตกแรงซะก่อน เลยไม่ได้วิ่งต่อ

วันเสาร์ วิ่งช้าตอนเช้า 5km รู้สึกว่า Double Run เมื่อวันพฤหัสบดียังส่งผลอยู่ ล้ามาก ๆ

วันอาทิตย์ วิ่งช้าตอนเช้า 10km ตอนวิ่งรอบสุดท้าย รู้สึกว่ายังวิ่งต่อไหว แต่ไม่อยากเสี่ยง เผื่อเจ็บขึ้นมาสัปดาห์หน้าจะอดวิ่งฮาล์ฟที่พัทยา

Tuesday, July 2, 2013

Running Event 2013-06-30 : Sukhothai Marathon

รายการนี้จัดโดย Unique Running เล็งไว้ได้พักใหญ่แล้ว กะว่าจะรอให้วิ่ง Columbia Trail Masters ที่เขาไม้แก้วเสร็จ ประเมินร่างกายแล้วจึงเลือกว่าจะสมัครควอเตอร์หรือฮาล์ฟมาราธอน แต่ปรากฏว่ามีบูธรับสมัครที่งาน Columbia Trail Masters ก็เลยคิดว่า "เอาวะ สมัครฮาล์ฟเลยแล้วกัน" ด้วยความคิดฉับพลันในวันนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องวิ่งฮาล์ฟในวันนี้

งานนี้มีผู้ติดสอยห้อยตามมา 1 คน แต่ไม่ได้วิ่งด้วย นั่นคือน้องสาวคนสวยของผมเอง ถือว่าพามาเที่ยวแก้เครียดก็แล้วกัน และได้พลขับรับ - ส่งจากโรงแรมไปยังงานวิ่งด้วย ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย

บูธรอแยล-ดี และ ซินเนอจี อร่อย!

Bib: M30 2018 และ Chip แบบติดกับ Bib

Garmin ไม่ผิด

หลังจากขับรถมาอย่างเมื่อยจากกรุงเทพฯ ถึง สุโขทัย เป็นที่เรียบร้อย เช็คอินที่พัก และรับ Bib ที่งาน Expo เสร็จก็ตั้งใจว่าจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย น้องสาวกด Garmin ประจำรถแล้วผมก็ขับตามที่ Garmin บอก ตอนที่ดู overview ก็รู้สึกแปลก ๆ นิดนึงตรงที่ทำไมทางมันดูโค้งเยอะจัง ประมาณขึ้นเขา แต่ไม่เป็นไร มันคงพาไปถูกที่แหละ

เมื่อเกือบจะถึง เห็นมีด่านกั้น จึงได้ลงไปถามเจ้าหน้าที่ มีบทสนทนาประมาณนี้

เจ้าหน้าที่ : "มาเที่ยวน้ำตกกันเหรอคะ"
น้องสาว : "มาเที่ยววัดโบราณค่ะ อยู่ตรงไหนคะเนี่ย ไม่เห็นมี"
เจ้าหน้าที่สวนกลับมาทันทีว่า : "อ๋อ นั่นคงจะเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ แต่ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติค่ะ มีแต่น้ำตก"
น้องสาวเหงื่อตก : "เอิ่ม... แล้วอุทยานประวัติศาสตร์ไปทางไหนคะ"
เจ้าหน้าที่ : "ก็กลับไปทางเดิมหนะค่ะ ประมาณ​ 60 กิโล"
น้องสาวเหงื่อตกยิ่งกว่าเดิม : "ค่ะ ขอบคุณค่ะ"


สีเขียวคือที่พักและงานวิ่ง
สีแดงคืออุทยานแห่งชาติ
สีน้ำเงินคืออุทยานประวัติศาสตร์ (เป้าหมายแท้จริง)

หลุดโลก

หลังจากนั้นเจ้าน้องสาวตัวดีของผมก็เดินหน้าเจื่อน ๆ มาที่รถแล้วบอกว่าต้องย้อนกลับไปทางเดิม โดยคิดว่าคงจะต้องโดนผมด่ายับแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้จะด่าน้องไปทำไม เพราะผมเองก็ได้ดูเส้นทางก่อนด้วย ก็รับผิดร่วมกันไปนะ ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไรย้อนก็ย้อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ๆ เพราะเข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปอีกยังอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าใครยังไม่เคยมา แนะนำครับ


โบราณสถาน วัดเจดีย์เจ็ดแถว

อิฐในโบราณสถาน


โบราณสถาน วัดนางพญา

หิวอย่างสงบ

ขับรถและเดินอยู่ในอุทยานได้พักใหญ่ ท้องเริ่มร้อง จึงได้เวลาหาอะไรกินและกลับที่พักเพื่อเตรียมตัววิ่งในวันพรุ่งนี้ หาจาก Internet ได้มา 2 - 3 ร้าน ก็ลองขับไปเรื่อย ๆ พบว่าดูไม่ค่อยจะเปิดกัน (หรือปิดแต่หัววันก็ไม่แน่ใจ) ร้านสุดท้ายที่อยู่ใน List (เพราะอยู่ไกลสุด) คือร้านกุหลาบ หวังว่าจะโอเค ก็ขับรถตามที่ Garmin บอกไปที่ ต.หาดเสี้ยว ขณะที่กำลังขับรถไปก็เสพบรรยากาศและชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ พบว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองเงียบ ๆ ใช้ชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง และ Mobile Internet ก็พอใช้ได้อยู่ ถ้ามี Internet (แบบมีสาย) แรง ๆ หละก็ น่ามาตั้งฐานทัพ Software Development ที่นี่มาก ๆ

ป้ายร้านกุหลาบ ณ หาดเสี้ยว


ฝันร้าย

หลังจากหลับไปประมาณสามทุ่มกว่า ระหว่างนอนฝันว่า DNF เพราะวิ่งผิดทางเนื่องจากวิ่งในทางวิ่งของระยะควอเตอร์ แทนที่จะวิ่งในเส้นทางของระยะฮาล์ฟ ถึงกับตกใจตื่น เฮ้อ... ท่าจะเกร็งหนักนะเนี่ย

ตื่นเช้า

หลังจากตื่นเพราะฝันร้ายก็หลับต่อ และตื่นตั้งแต่ตี 3 กว่า ๆ เพื่อหาพลังงานเข้าตัว เพราะต้องเริ่มวิ่ง 5.30น. ก็กินเท่าที่มี ไม่พกกระติกน้ำไปด้วย โดยใช้แก้วใบไม้ที่ได้มาจากภูเก็ตมาราธอนแทน เพราะคิดว่าน่าจะมีสถานีน้ำบริการดีตลอดทาง แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็ให้น้องสาวขับรถไปส่งที่งานวิ่ง เนื่องจากที่พักอยู่ในทางวิ่งมาราธอน จึงอยากไปถึงก่อนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสร้างควันให้นักวิ่งมาราธอน และจะได้ยืนให้กำลังใจขณะปล่อยตัวผู้กล้าฟูลมาราธอนทุกคนด้วย

เหล่าผู้กล้าฟูลมาราธอน

บรรยากาศอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตอนกลางคืน

หลังจากปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนแล้ว ก็เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่ง ผมจึงเดินเล่นภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ใกล้ ๆ ที่จัดงานวิ่ง ไม่กล้าไปไกลเพราะยังมืดอยู่มาก บรรยากาศภายในอุทยานดูขลังทีเดียว แอบขนลุกนิด ๆ ปีหน้าว่าจะเอารถมาจอดภายในงาน และขนกล้องมาถ่ายด้วย ใช้มือถือถ่ายไม่มันมือเลยอ้ะ

ใกล้เช้าแล้ว เลยมีแสงเติมมานิดหน่อย

ออกตัว

หลังจากวอร์มอัพเรียบร้อยก็ได้เวลาปล่อยตัวของนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 5... 4... 3... 2... 1... ปู๊นนน เริ่มออกวิ่งโดยตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 7:15 แหม... หาญกล้านะจ๊ะ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโศกนาฏกรรมที่กิโล 19 ก็เป็นได้

วิ่งไปถ่ายไป

ข้าศึกบุกอีกแล้ว เห็นว่ามาเมืองหลวงเก่าใช่มั้ย บุกมาตั้งแต่กิโล 0 เลยทีเดียว แต่ก็ทน ๆ ไป ผ่านไป 2 กิโลก็ถอนทัพกลับ รอดไปวันนี้ บรรยากาศระหว่างทางวิ่งดีมาก อากาศดี แทบไม่มีรถปล่อยควันให้หงุดหงิดใจ นักวิ่งมากันไม่ค่อยเยอะ ผมชอบนะ เพราะผมเป็นโรคเกลียดความอึดอัด หนาแน่นของประชากร บรรยากาศดีแบบนี้ทำให้เริ่มอยากถ่ายรูป ก็วิ่งไปถ่ายรูปไป จังหวะการวิ่งก็จะเพี้ยน ๆ หน่อยเพราะเวลาถ่ายรูปก็ต้องหยุด ชักภาพเสร็จก็วิ่งต่อ สงสัยจะสาเหตุนี้ด้วยเลยทำให้ลำบากตอนท้าย ๆ

นาข้าวเขียวขจี

ออกอาการ

พอถึงกิโล 6 น่องซ้ายมีอาการกระตุกคล้ายจะเป็นตะคริวเล็กน้อย แต่คิดว่ายังไหว ระยะทางยังอีกยาวไกล ก็วิ่งประคองพยายามไม่ใช้น่องซ้ายอย่างรุนแรงนัก

บรรยากาศก็เขียว ๆ อย่างนี้ตลอดทาง

หมดแรง

ตั้งแต่กิโล 12 เป็นต้นไปแรงเริ่มหมดต้องเดินบ้างวิ่งบ้างตามจังหวะ ก็ไม่วิ่งตาม Pace ตอนซ้อมนี่หว่า สมน้ำหน้า

ที่จุดให้น้ำกิโล 14 มี Synergy ให้ดื่มด้วย เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี ซัดน้ำเปล่าไป 2 แด้ว Synergy อีก 2 แก้ว สบายไป ที่จุดนี้มีห้องน้ำให้บริการด้วย เข้าใจว่าเป็นห้องน้ำของรีสอร์ทที่อยู่บริเวณนั้นพอดี ขอบคุณสำหรับการให้ความสนับสนุนนักวิ่งครับ ขอโทษที่ลืมถ่ายรูปมาด้วย

ก่อนถึงกิโล 15 เล็กน้อยมี Check Point ให้วิ่งผ่าน โดยมีชาวต่างชาติคอยดูแลอยู่ ด้วยความที่เป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษมาก ก็ต้องโชว์ออฟเล็กน้อย "แท๊งกิ้ว" "เว้วคั่ม" คือคำตอบจากฝรั่ง


วิ่งช้าจัด ไม่เห็นฝุ่นคนข้างหน้าเลย


ทุกระยะ จงเลี้ยวโดยพร้อมเพรียงกัน

ที่จุดให้น้ำกิโล 17 เจอสาวนักวิ่งหนึ่งท่านพกแก้วใบไม้จากลากูน่ามาใช้เหมือนกัน ได้ทักทายกันเล็กน้อย แล้วเธอก็วิ่งจากไป คือ... ผมวิ่งไม่ทันเค้าหนะ เฮ้อ...

แดดสาด

ประมาณกิโล 18 แดดเริ่มแรง แถมมาทิศตรงหน้าระวังอีกต่างหาก ดีนะใส่หมวกมาด้วย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ


กิโลสิบแปด แดดสาด

หมดทุกเม็ด

พอถึงกิโล 19 ก็พบว่าน่องซ้ายไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถยกสูงจากพื้นได้มากนัก ยกสูงปุ๊บอาการคล้ายเป็นตะคริวตามมาทุกครั้ง เลยต้องเดินไป กะว่าจะวิ่งที่กิโล 20 จนถึงเส้นชัยให้ได้

กิโล 20 มีจุดให้น้ำสุดท้ายรออยู่ ซัดโฮกไป 2 แก้ว แล้วก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อเข้าเส้นชัยในท่าวิ่งให้ได้ และแล้วก็เข้าเส้นชัยได้ในที่สุด เย้!

น้องสาวบอกว่าเหมือนห้อยพระ

บทสรุป

ผมคิดว่าที่แรงหมด และกล้ามเนื้อเกือบเป็นตะคริวนั้น น่าจะเกิดจากการวิ่งอย่างไม่มีวินัยของผมเอง นึกจะเร่งก็เร่ง นึกจะหยุดก็หยุด การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง และกินน้ำน้อยเกินไปในวันก่อนวิ่ง คราวหน้าจะปรับปรุงครับ!

สถิติในการวิ่งครั้งนี้คือ 21.1 กิโลเมตร ในเวลา 2 ชั่วโมง 52 นาที (STRAVA imported data from Garmin) ดีกว่าฮาล์ฟครั้งแรก ก็โอเคนะ ^_^

Saturday, June 22, 2013

Running Event 2013-06-23 : ธัญญารักษ์มินิมาราธอน

อลังการงานวิ่ง

ที่จริงแล้ววันนี้ตั้งใจจะไปวิ่งงานดอกบัวคู่ แต่สมัครไม่ทัน เลยหาโปรแกรมอื่นวิ่งแทน ลงตัวที่ ธัญญารักษ์มินิมาราธอน ครั้งที่ 15 งานจัดที่สถาบันธัญญารักษ์ ใกล้ ๆ นี่เอง ตื่นตี 4 วิ่งตามถนนวิภาวดี-รังสิต ไปเรื่อย ๆ พอเลยฐานทัพอากาศไปก็เตรียมชิดซ้าย เพื่อกลับรถใต้สะพาน เห็นงานแต่ไกลเลย เพราะเจ้านี่แหละ ชัดเจนมาก ตั้งแต่ฝั่งตรงข้าม ไม่ต้องกลัวหลง แต่... มาถูกงานมั้ยนะ

อลังการงานวิ่ง มีไฟหมุนด้วย

ซอยยิบ

มาถึงก่อนตี 5 แต่ก็มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรและการจอดรถพร้อม ที่จอดรถก็มีเยอะพอสมควรนะ แต่ผมไม่ชอบวนหานาน ก็เลยมาเช้าหน่อย เผื่ออบอุ่นร่างกายด้วย หลังจากสมัครวิ่ง 10 กิโลเรียบร้อย ก็เดินเอาเสื้อที่ระลึกไปเก็บที่รถ พร้อมติด Bib ที่เสื้อวิ่งสีส้มตัวเก่ง วันนี้ได้เบอร์ 70 รุ่น 35-39 (เค้าซอยรุ่นยิบมาก ดูจากใบเสร็จรับเงินได้) สถานที่กว้างขวาง มีที่วิ่งเหยาะ ยืดเหยียดมากมาย เพียงพอสำหรับนักวิ่งทุกคน มีรถสุขา 2 หรือ 3 คันนี่แหละ ผมก็ใช้บริการไป 1 ครั้งก่อนเข้าไป Check-in

เสื้อที่ระลึก, Bib และใบเสร็จซอยยิบ

สนามกว้าง วิ่งวอร์มอัพกันสนุกเลย

จะทันมั้ยนะ

เคยอ่านเจอคนบ่นว่างานนี้พิธีการเยอะ เยิ่นเย้อ ชักช้า ผมสำหรับผม หลังจากเข้าไป Check-in แล้วก็รู้สึกว่าไม่นานมากก็ปล่อยตัวครับ หรือทางผู้จัดอาจจะปรับปรุงแล้ว เพราะได้รับคำติชมจากนักวิ่ง ^_^ ดีครับ

เคยอ่านเจอ (อีกเหมือนกัน) ว่ามีการจำกัดเหรียญให้ 800 คนแรก แอบเครียดนิด ๆ ว่าจะวิ่งทันคนอื่นเค้ามั้ย เลยตั้ง Virtual Pace ไว้ที่ 7 นาที (ปรกติวิ่งช้ากว่านี้อีก แหะ ๆ) พอเริ่มออกตัวก็วิ่งไปดู Pace ไปพบว่า 7 นาทีสงสัยจะช้าไป เพราะโดนแซงสะบั้นเลย จึงเร่งอีกนิดเพื่อพยายามรักษาระดับไว้ที่ประมาณ 6 นาที ถึง 6 นาทีครึ่ง ก็คิดว่าถ้าวิ่งเท่านี้แล้วยังเข้าไม่ทันเหรียญก็ช่างมัน ไม่อยากจะฝืนมาก สัปดาห์หน้ามีฮาล์ฟที่สุโขทัยรออยู่ อูย....

นักวิ่งเยอะเหมือนกัน แต่ไม่มากเพราะชนกันหลายงาน


หลุด

วิ่งไปได้ 1.3 กิโล ก็ต้องหยุด ไม่ใช่หมดแรงครับ อย่า อย่าเพิ่งคิดอย่างน้านนน หยุดเพราะเชือกรองเท้าข้างซ้ายมันหลุด ก็ว่าผูกดีแล้วนะ ทำไมหลุดได้ เลยต้องหยุดและหลบเพื่อผูกให้เรียบร้อยก่อนวิ่งต่อ เลยได้ถ่ายรูป เด็กแว้นปิด Super Highway วิ่งกัน

ปิด Super Highway วิ่งเลย เจ๋งป้ะ!

เส้นทางวิ่งในฝัน

เป็นงานที่ปิดถนนได้เยี่ยมสุด ๆ เลย (ขออภัยผู้ใช้ถนนท่านอื่นด้วยครับ) ไม่ต้องพะวงว่าจะมีรถเฉี่ยว รถชน เพราะวิ่งกันอยู่ในช่องทาง Super Highway ที่มีรั้วกั้นทั้งสองด้าน ปลอดภัยหายห่วงครับ ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียวพอ

งานนี้ผมพก Hydration Belt มาด้วย (ปรกติจะเรียกเข็มขัดกระติกน้ำ แต่น้องสาวแซว เลยเรียกชื่อเท่ ๆ ของมันบ้าง) เลยไม่ได้พึ่งพาสถานีให้น้ำของที่นี่สักเท่าไหร่ แต่เท่าที่สังเกต พบว่าเค้าวางระยะแปลก ๆ ขนาด ๆ เกิน ๆ ยังไงไม่รู้ แต่ก็มีน้ำให้ดื่ม ไม่ขาดตกบกพร่องนะครับ เยี่ยมครับ

พอวิ่งมาจนใกล้ถึงที่กลับตัวของนักวิ่ง 5 กิโล ก็เลยคิดได้ว่า อ้อ... คนที่แซง ๆ เราไปนั้น เค้าอาจจะวิ่ง 5 กิโลมั้ง ก็ถึงว่าวิ่งกันฉิวเลย ตกใจแทบแย่ แต่ผมก็ยังรักษา Pace ไว้ที่เท่าเดิมแหละ ลองดูว่าจะวิ่งไหวไหม หลังจากได้กลับตัวบ้าง ก็รู้สึกว่าร่างกายยังวิ่งได้สบาย ๆ นะ ด้วยระดับนี้ ก็เลยวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ มีเผลอวิ่งเร็วบ้างจนเหนื่อย ก็ผ่อนลง แล้วกลับมารักษาระดับใหม่ ก็ยังได้อยู่ งานนี้วิ่งโดยไม่หยุดเดินเลย ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณผู้จัดงานที่เลือกเส้นทาง และประสานงานปิดการจราจรได้ดีมาก วิ่งสบาย ไม่มีติดขัดเลยครับ

เข้าเส้น

หลังจากเข้าเส้นชัย เจอเจ้าตัวเล็กตัวนี้ด้วย แสดงว่า... ใช่ครับ เค้าวิ่งเร็วกว่าผม แง่งงงง เจอคราวหน้าจะวิ่งไล่กัดตูดให้ทันให้ได้
วิ่งไวเหมือนกันนะเรา

มีบูทของ Brooks ถ้าใครใส่รองเท้า Brooks มา จะได้อะไรนะ... ลืมไปแล้ว ส่วนที่เห็นลู่วิ่งนั่น เค้าเอามาให้เราลองวิ่งบนเครื่องดู เพื่อที่จะถ่ายคลิป และตรวจดูว่าการวิ่งของเราเหมาะสมกับรองเท้าแบบใด ซึ่งก็จะมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำรุ่นให้

Brooks
แนะนำรุ่นรองเท้าต่าง ๆ

สถิติยังไม่ถูกทำลาย

งานนี้วิ่งได้ระยะทาง 9.4 กิโลเมตร ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 47 วินาที คิดว่ายังมีแรงเหลือพอที่จะวิ่งอีกกิโลด้วยเวลา 6 นาที แม้จะยังไม่ทำลายสถิติของตัวเอง แต่ก็ถือว่าวิ่งได้ใกล้เคียงสถิติดีสุดของตัวเองแล้ว ไม่เลวครับงานนี้ ปีหน้าคิดว่าจะมาอีกเพราะทำเวลาได้สะใจดี ^_^

ได้เหรียญกะเค้าด้วย

สถิติวันนี้



Monday, June 17, 2013

Running Event 2013-06-16 : The Columbia Trail Masters 2013 (Episode V)

Columbia Trail Masters 2013 (Episode V) จัดที่เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี ตอนที่เห็นใบปลิวครั้งแรกเห็นชื่อสถานที่ภาษาอังกฤษ ผมอ่านเป็นเขาไม้เขียว นึกว่าสะกดผิด คิดว่าจัดที่เขาเขียว แต่ลองหาในแผนที่เจอเขาไม้แก้ว จึงได้รู้ว่าเค้าสะกดถูกแล้ว แปร่ว...

Adidas Kanadia 5 Trail
ก่อนงานวิ่ง 4 วัน (วันพุธ) คิดได้ว่าเราน่าจะซื้อรองเท้าสำหรับวิ่งเทรลใส่นะ เลยรีบ ๆ ลน ๆ ได้เจ้านี่มา หน้าตาดุดี ลองวิ่งเช้าวันพฤหัสบดีที่สวนรถไฟ โดยวิ่งบนทางเรียบปรกติ พบว่าก็พอวิ่งได้ แต่พื้นแข็งนิดหน่อย ตามประสารองเท้าสำหรับวิ่งเทรล

ออกเดินทาง

รอบนี้ไปกัน 5 คน แต่วิ่งแค่ 4 ผม ยอด ก้อย และ พี วิ่งระยะเดียวกันหมดคือ 10k Trail โดยเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปกินข้าวเช้า (มั้ย) ที่จุดพักกลาง Motor Way จากนั้นก็กะจะไปกินกลางวันที่ Mimosa ซึ่งก็ยังอิ่มจาก McDonald's ที่ Motor Way อยู่พอสมควร จึงต้องเดินถ่ายรูปเล่นรอให้หิวอีกรอบจึงค่อยไปกิน

สีสันสดใสที่ Mimosa

อิ่มแปร้จาก Mimosa เรียบร้อย น่าจะเกือบ 4 โมงเย็น รีบขับรถไปที่งาน Expo โดยด่วน เพราะตามตารางเวลาเค้าแจ้งว่าปิด 5 โมงเย็น แต่ก็ไปถึงงานได้ก่อนเวลาปิดแหละนะ ได้รับ Bib, Chip แบบติดกับ Bib และเสื้้อเป็นที่เรียบร้อย อ้อ! มี Sweatband แจกด้วย เดินเจอบูธสุโขทัยมาราธอน ของ ยูนิครันนิ่ง เลยได้ฤกษ์สมัครฮาล์ฟมาราธอนไปซะเลย ก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ใจว่าจะลงฮาล์ฟหรือมินิดี แต่ก็นะ จัดฮาล์ฟไปเลย คิดว่าอย่างมากก็คลานเข้าเส้นชัยวะ

เพิ่งเคยได้ใช้ Chip แบบติดกับ Bib

ได้แจก Sweatband ด้วย ขอบคุณ Columbia ครับ

สมัครไปแว้ว ฮาล์ฟ งาน สุโขทัย มาราธอน


เสร็จธุระที่งาน Expo ก็เดินทางไปที่พัก ที่ Way Hotel และตอนไปที่ Way Hotel นี่แหละ ทำให้เจอข้อผิดพลาดของ Google Maps เนื่องจาก Google Maps ปักจุดผิดพลาด ต้องโทรไปสอบถามทางโรงแรมว่าไปทางไหน ถึงจะไปเข้าที่พักได้เป็นอันเรียบร้อย

Shake Out Run

เข้าที่พักแล้วก็รีบแต่งตัวไปวิ่ง 15 นาทีให้เลือดไหลเวียนและร่างกายตื่นตัวพร้อมวิ่งในวันรุ่งขึ้น ที่ชายหาดสั้น ๆ ของ Garden Seaview Hotel (เครือ The Zign เช่นเดียวกับ Way Hotel) วิ่งวนไปวนมาบนหาดทราย เพื่อทดสอบการใช้งานรองเท้า Trail อีกครั้ง พบว่าวิ่งบนทรายแน่น ๆ ได้สบายมาก วิ่งเสร็จพักสักครู่จึงเดินออกไปหาของกิน ได้กล้วยตากมาไว้กินตอนเช้าก่อนวิ่งด้วย

ชุ่มฉ่ำแต่เช้า

ตื่นประมาณ ตี 4 แต่งตัวเรียบร้อย รอพลพรรคครบทุกคนแล้วก็ลงไปที่รถ จึงเห็นว่าฝนตกอยู่ ระหว่างทางไปงาน เห็นน้ำท่วมหลายจุด คิดว่าน่าจะเป็นช่วงตีนเขา น้ำไหลลงมาจากเขาไม้แก้วมากองอยู่ด้านล่าง พอเริ่มขึ้นเขาไปก็ไม่ค่อยมีน้ำขังแล้ว ไปถึงงานเรียบร้อย ลงรถก็ใส่หมวกได้เลย เพราะฝนตกปรอย ๆ ตลอดเวลา

เหล่านักวิ่งไม่มีกลัวฝนอยู่แล้ว

สงสัยจะมาเร็วไปหน่อย เจอนักวิ่งป้ายเหลือง (50k) และป้ายแดง (25k) ซะมาก ไอ้เราป้ายน้ำเงิน (10k) มาซะเช้า ไม่ค่อยเห็นเพื่อนวิ่งระยะเดียวกันเท่าไหร่ ก่อนถึงเวลาออกตัวของ 50k โฆษกประกาศว่ามีต้นไม้ล้มขวางทางวิ่งอยู่ ขอเวลาเคลียร์ 15 นาที และแล้วเมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ได้ยืนส่ง นักวิ่ง 50k และ 25k ตามลำดับ

ออกตัว

ฝนหยุดก่อนออกตัว 10k ไม่นานนัก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่ถึงฝนหยุดแล้วอากาศก็ยังเย็นสบายอยู่ นับว่าไม่ต้องกังวลอะไร แม้ว่าจะออกตัว 7 โมงเช้าก็ตาม เอ้าเริ่มวิ่งได้ ปู๊นนน~~~

Gathering of 10k Trailers

เทรลแท้

ช่วงแรก ๆ ของการวิ่งเป็นถนนเรียบ ๆ ธรรมดา เหมือนงานวิ่งอื่น ๆ แต่พอเลี้ยวเข้าหาเขาเท่านั้นแหละ ว้าววว เทรลรันนิ่งของแท้เลย เขียวชะอุ่ม วิ่งในป่าสดชื่นสุด ๆ ไม่มีควันรถ แดดก็ไม่ค่อยจะส่องถึงตัวเพราะมีต้นไม้บังตลอดทาง

เขียวสุด ๆ


ถ้าวิ่งถูกทาง จะเห็นริบบิ้นสีส้มนี้ไปเรื่อย ๆ

ช่วงแรก ๆ คนเยอะ แซงลำบาก เพราะทางวิ่งแคบ เลยวิ่ง ๆ เดิน ๆ ตาม ๆ กันไปเรื่อย ๆ บรรยากาศประมาณนี้



ผมมัวแต่วิ่ง ๆ เดิน ๆ ถ่ายรูป ปล่อยให้เพื่อน ๆ นำไปก่อน พอได้วิ่งทำความเร็วบ้าง ก็เจอยอดก่อนถึงจุดรับน้ำหนึ่งเดียวของระยะ 10k เล็กน้อย ยอดอาจจะยังเจ็บจากฮาล์ฟมาราธอนที่แล้ว จึงต้องถนอมตัวหน่อย ผมจึงวิ่งนำไป

สถานีน้ำหนึ่งเดียว

พอทราบว่ามีจุดรับน้ำสำหรับระยะ 10k มีแค่จุดเดียวก็แอบกังวลนิด ๆ ว่าเราจะมีน้ำกินพอมั้ย แต่พอวิ่งจริง ถึงจุดรับน้ำแล้วกินน้ำในขวดที่พกมาหมดไปไม่ถึง 25% เลยไม่ได้หยุดรับน้ำ คิดว่าที่เหลืออยู่น่าจะพอสำหรับอีกครึ่งทางที่ต้องวิ่งต่อ

โดดเดี่ยวในป่าใหญ่

จริง ๆ ก็ไม่ถึงกับโดดเดี่ยวหรอก เพียงแต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ข้างหน้าค่อนข้างห่าง และข้างหลังมองไม่เห็นใคร เลยรู้สึกคล้าย ๆ กับวิ่งอยู่ในเดียวในป่า ตราบใดที่ยังวิ่งแล้วเจอริบบิ้นสีส้มอยู่เรื่อย ๆ ก็ยังอุ่นใจได้อยู่

หลังโล่ง ไม่มีใครวิ่งตามมาเลย กึ๋ย

ล้มลุก

ประมาณกิโลเมตรที่ 9 นิด ๆ มีต้นไม้ใหญ่ขวางทางวิ่งอยู่ ใหญ่ขนาดที่ไม่สามารถก้าว หรือกระโดดเบา ๆ ข้ามได้ ทำให้ต้องปีน แรงยังพอปีนได้ก็ปีน เหยียบและโดดลง และรีบออกตัววิ่งต่อ แต่ดันมีกิ่งไม้เกี่ยวเท้าขวาอยู่ ทำให้ล้มหน้าทิ่ม แอบอาย แต่คาดว่าไม่มีใครเห็น ตรวจสอบคร่าว ๆ ไม่พบอาการบาดเจ็บอะไรก็ออกวิ่งต่อไปเนียน ๆ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น

เชิญคุณก่อน

ก่อนถึงเส้นชัยเล็กน้อย นักวิ่งสาวที่วิ่งนำผมมาในช่วงประมาณ 1 กิโลเมตรก่อนหน้านี้ เหมือนจะเหนื่อย วิ่งช้าลง ให้สัญญาณมือบอกให้ผมแซง แต่ผมดูแล้วคิดว่าเธอน่าจะยังมีแรงวิ่งอยู่แหละ ผมเลยบอกให้เธอวิ่งเข้าเส้นชัยก่อน ไหน ๆ เธอก็นำมาจนเกือบถึงเส้นชัยอยู่แล้ว นำต่อให้จบเลยดีกว่า

ถึงเส้นชัย

กล้องหน้า Sony Xperia V มันจะห่วยไปไหน

ผมเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 36 นาที โดยประมาณ ต้องบอกว่าประมาณ เพราะลืมกดหยุดนาฬิกาอีกแล้ว นับว่าเป็นเวลาที่ไม่เลวนักสำหรับผม เพราะเป็นการวิ่งที่ค่อนข้างวิบากทีเดียวหละ หลังจากเข้าเส้นชัยได้กินเครื่องดื่มเกลือแร่บ้างก็ดีเหมือนกัน ซัดไป 3 ขวด ขอบคุณ Synergy ครับ


Synergy อร่อยและสดชื่นจริง ๆ


หลังจากวิ่งพบว่าการใช้รองเท้าสำหรับวิ่งเทรลโดยเฉพาะนั้นดีจริง ๆ ถ้าใช้ Nike LunarEclipse+ 3 มาวิ่งสงสัยผมจะหัวทิ่มตั้งแต่กิโลแรก ๆ นอกจากปุ่มสำหรับจิกพื้นแล้ว รองเท้าเทรลยังมีหัวรองเท้าแข็งสำหรับป้องกันการบาดเจ็บจากการเตะโดนอะไรแข็ง ๆ อีกด้วย ระหว่างวิ่งผมรู้สึกว่าเตะโดนหินไปหลายก้อน รอดมาได้เพราะ Guard หน้ารองเท้านี่แหละครับ ไม่งั้นมีเจ็บแน่นอน

ตอนนี้ติดใจการวิ่งเทรลมาก ถ้ามีงานไหนจัดอีกคงต้องรีบลงตารางเวลาเพื่อวิ่งงานนั้นให้ได้ ขอบคุณ Columbia ที่จัดงานวิ่งดี ๆ แบบนี้ครับ ขอให้จัดอีกเรื่อย ๆ นะครับ ^_^




Thursday, June 13, 2013

Running Event 2013-06-09 : ลากูน่าภูเก็ตมาราธอนนานาชาติ™ 2556

การเดินทางอันยาวนาน

งานนี้มากับ "เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย" โดยมี น้องสาว "อุ๊ย" และ น้องที่ทำงาน "ยอด" ร่วมทางมาด้วย โดยอุ๊ยวิ่ง mini marathon (10k) ส่วนผมและยอดวิ่ง half marathon (21k) เป็นครั้งแรกทั้งคู่

2 ทุ่มวันศุกร์ ขึ้นรถที่ ถ.วิทยุ และนั่งรถบัสอย่างยาวนาน แวะกินข้าวเช้าที่ร้านวังกุ้ง ที่สุราษฏร์ธานี ไหว้หลวงพ่อแช่มที่วัดไชยธาราราม แล้วกลับไปจัดข้าวกลางวันที่ร้านระย้า อ.เมือง ภูเก็ต ถึงที่พัก At Panta ประมาณบ่ายสามโมง มีเวลาจัดการธุระส่วนตัว 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวไปรับเสื้อ Bib และ Chip ที่งาน Expo

ที่งาน Expo คนเยอะและวุ่นวายพอสมควร แต่เราได้รับเบอร์มาแล้ว บอร์ดไม่ต้องดู สบาย… เสียตรงที่ลืมเอาปากกามา ทำให้ต้องเข้าคิวรอสัมปทานปากกา เพื่อที่จะเขียนใบอะไรนะ น่าจะเป็นใบแจ้งสละสิทธิในการทำอะไรซักอย่างนี่แหละ ประมาณถ้าเราตายจะไม่ฟ้องผู้จัดงานมั้ง ได้ Bib (M 1441) Chip และเสื้อเรียบร้อย ก็ถึงคิวต้องซื้อของที่มีเพื่อน ๆ ฝากมา นั่นคือ แก้วน้ำใบไม้สุดน่ารักของงานนี้นั่นเอง เหมาไป 10 อัน เผื่อแจกคนอื่นด้วย

บรรยากาศยามเย็นที่ลากูน่า
จากนั้นก็รอไป Pasta Party เพื่ออัดคาร์บ แต่ก็อัดไม่ได้เท่าไหร่ เพราะกินที่ระย้ามาอิ่มมาก ได้แค่ไหนแค่นั้น กินอิ่มมากเกินก็จะแย่เอา พอกลับถึงที่พักก็จัดเตรียมอุปกรณ์ ติด chip ที่รองเท้า และติด Bib ที่เสื้อให้เรียบร้อย แล้วก็นอน...

แอบตื่นเต้น

น้องสาวตั้งปลุกไว้ 3.30 ก็ได้ยินนะ ยังแอบอู้เพราะตัวเองตั้งปลุกไว้ 3.45 และ 4.00 แต่ก็นอนไม่หลับหรอก แอบตื่นเต้น เพราะจะได้วิ่งฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรก ที่รอมาตั้งหลายเดือนซะทีแล้ว ก็เลยตื่นมาแปรงฟัน แต่งตัว กินกล้วยที่ตุนมาจาก Pasta Party เมื่อคืนที่ผ่านมา และเตรียมตัวออกไปขึ้นรถตามเวลานัด ปรากฏว่า... ฝนตกพรำ ๆ แต่ถึงเวลานัดแล้วนี่ ก็ฝ่าฝนไปดิ นิดเดียวคงไม่เป็นไร ได้รับชุดอาหารเช้ามา 1 ถุง ประกอบด้วย ครัวซอง 2 ชิ้น ไข่ต้ม 1 ฟอง กล้วยหอม 1 ลูก น้ำผลไม้ 1 กล่อง นม 1 กล่อง แต่กินไม่หมดเพราะกลัวว่าจะจุก

เริ่มวิ่ง

มาถึงงานตีห้ากว่า ๆ ไม่ช้าไม่เร็ว ระหว่างรอเช็คอินก็วอร์มอัพไปเรื่อย ๆ โดยการวิ่งเหยาะ ๆ สลับเดิน พอใกล้ถึงเวลาเข้าจุดสตาร์ท จัดการยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้พร้อมใช้งาน แล้วก็เดินเข้าจุดสตาร์ทไปอย่างมั่นใจ Forerunner 10 กด Start แป๊บเดียวก็พร้อมใช้งาน คงเพราะมันเป็นที่โล่ง

เมื่อนับถอยหลังเรียบร้อย ค่อย ๆ เดินจนถึงเส้นสตาร์ทแล้วก็เริ่มออกวิ่ง รู้สึกว่าสภาพร่างกายวันนี้ดีจัง ท่าทางจะวิ่งได้ดี

ซุ่มโจมตี

ปรกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างมีปัญหากับการขับถ่าย และไม่ค่อยจะถ่ายตอนเช้าเท่าไหร่ แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้น วิ่งได้ประมาณกิโลเมตรกว่า ๆ รู้สึกเหมือนโงกุนโดนจับหาง ขนลุกเกรียว แรง เริงหายหมด เนื่องจากข้าศึกบุกค่อนข้างประชิดเมืองทีเดียว ก็ต้องตัดสินใจว่า เอายังไงดี ห้องน้ำก็ไม่ค่อยมีตามทาง จะยอมแพ้ดีมั้ย ใจคิดอยู่หลายตลบ แต่นี่เป็นฮาล์ฟแรกนะ ดังนั้น ยอมไม่ได้ เอ้า สู้ต่อ! ทนไป พอวิ่งอย่างอ่อนแรงไปได้สักพักอาการก็ดีขึ้น รอดตัวไป

ชุ่มฉ่ำ

หลังจากวิ่งถึงจุดกลับตัวที่ ก.ม.8 สภาพกล้ามเนื้อยังดี แรงยังเหลือ ก็ยังวิ่งต่อไปได้เรื่อย ๆ หยุดพักตามซุ้มให้น้ำ แดดออกแต่ก็ไม่ได้ร้อนมาก ทันยอดแถว ๆ ก.ม.9 พอวิ่งมาถึงรถห้องน้ำ (น่าจะประมาณ ก.ม. 10) ก็ขึ้นไปเบาซะหน่อย เหลืออีกครึ่งทาง จะได้ไม่ต้องลำบากถ้าจำเป็นต้องระบาย คิดว่าจังหวะเข้าห้องน้ำนี่แหละที่ยอดน่าจะแซงผมไป เลี้ยวขวาออกจากถนนใหญ่ ประมาณ ก.ม. 12 มีฝนโปรยเบา ๆ พอให้ผ่อนคลายจากความร้อนได้บ้าง แต่สงสัยจะผ่อนมากไปหน่อยด้วยการเดินบ้าง วิ่งบ้าง ไปเรื่อย ๆ ตามทาง



กิโลเมตรที่ 15 แล้ว

ฟื้นพลัง

เมื่อแรงเริ่มร่อยหรอ แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บ ก็เดินสลับวิ่งเพราะไม่อยากฝืนมากเกินไปกับฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรก สวรรค์มาเยือนที่ ก.ม.16 เป็นซุ้มที่มีทั้งน้ำ และเกเตอเรด ซัดทั้งสองอย่างพอให้สดชื่น แรงกลับมาทำให้วิ่งได้สบาย ๆ อีกครั้ง


อีก 3 กิโลเมตร

ตะคริว

หลังจากคลาดกับยอดเนื่องจากแวะเข้าห้องน้ำ ที่ ก.ม.10 ก็คิดว่ายอดคงวิ่งลิ่วเข้าเส้นชัยไปแล้ว แต่พอวิ่งมาถึง ก.ม.19 เห็นคนนั่งตัวงออยู่ พร้อมน้องทีมงานจัดการแข่งขัน อ้าว! ยอดนี่หว่า ก็เดินเข้าไปดูสอบถามได้ความว่าเริ่มเป็นตะคริวตั้งแต่ ก.ม.17 ทนมาเรื่อย ๆ จนเป็นหนักถึงขั้นลุกไม่ไหวที่ ก.ม.19 นี่แหละ เห็นมีน้องทีมงานช่วยดูแล ก็เลยว่าจะวิ่งเข้าเส้นชัยไปก่อน คิดอีกที อะ เดินเป็นเพื่อนยอดซักพักก่อนดีกว่า ก็เลยเดินคู่กันไปกิโลกว่า ๆ ดูแล้วยอดน่าจะเดินถึง ผมจึงออกวิ่งต่อ



วิ่งไปยิ้มไป

ฟิน… แต่ไม่สุด

ระยะทาง 1 กิโลเมตรสุดท้าย ช่างหวานหอม วิ่งสบาย ๆ ผ่านนักเดินเพื่อสุขภาพไปคนแล้วคนเล่า (ก็เค้าเดินไม่ได้วิ่งนี่) วิ่งไปยิ้มไปตลอดทาง จนถึงซอง FINISH รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล แบบว่ามันซึ้งอะ เฮ้ย เราก็ทำได้ ฮาล์ฟมาราธอน แถมวิ่งสบาย ๆ ในเวลา 3 ชั่วโมง พยายามเล็งหาช่างภาพ เห็นหลายกล้องเหลือเกิน เก๊กไม่ถูก ก็เลยวิ่งยิ้มไปเรื่อย ๆ จนเข้าเส้นชัยพร้อมชูกำปั้น "กูทำได้แล้ว!" เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริง ๆ ซ้อมมาหลายเดือน สำเร็จแล้วโว้ย!


จากนั้นก็ไปคืน chip และเดินหาเหรียญเงิน สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในครั้งนี้ เดินไปเดินมาได้คำตอบว่า "เหรียญหมด" ความฟินเมื่อกี๊มันหายไปเกลี้ยงเลย แง้ เหรียญตู ได้ยินน้องทีมงานบอกว่ามีผู้สมัคร Walk-in เยอะจนเกินจำนวนเหรียญ อืม… ผมก็ต้องทำใจนะ วิ่งช้ากว่าเค้า อดเหรียญ ณ จุดนี้ แต่ไม่เป็นไร รอเค้าส่งมาให้ก็ได้

หลังจากนั้นก็ไปเก็บของที่ที่พักและไปเที่ยวรอเวลาเดินทางกลับ อ้อ! ผมลืมของไว้ที่ At Panta ด้วย แต่คุณกิ๊บ สาวน้อยผู้ใจดีช่วยเก็บขึ้นมาคืนให้ที่กรุงเทพฯ ขอแสดงว่าซึ้งใจไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม

ผลการวิ่ง


http://app.strava.com/activities/59935315