Sunday, November 24, 2013

Running Event 2013-11-24 : เดิน วิ่ง สนตอ. ครั้งที่ 13 ต.อ. หนึ่งเดียว

Race #26 : Sub-quarter Marathon (8km) : เดิน วิ่ง สนตอ. ครั้งที่ 13 ต.อ. หนึ่งเดียว

หลังจากงานที่ 25 PTT Group Marathon ก็ไม่ได้เข้าแข่งรายการไหนอีกเลย เนื่องจากติดซ้อม และหลัง ๆ มีอาการเจ็บรองช้ำจึงหยุดไป 3 สัปดาห์เต็ม ๆ แต่หลังจากพบคุณหมอและทานยาก็คิดว่าน่าจะกลับมาวิ่งระยะสั้น ๆ ได้บ้าง

ข่าวสารจากเพื่อนเก่า
งานนี้เพิ่งทราบจากเพื่อนทาง Facebook ว่ามีจัด และเป็นครั้งที่ 13 เชียว นี่เราก็จบจากเตรียมฯ มาตั้งกี่ปีแล้วนะ... เอิ่ม อย่านับเลยมันเยอะ นับไม่ถูก จบมาตั้งนาน แต่ไม่เคยได้ข่าวซักครั้ง เออก็แปลกดี เมื่อได้รับข่าวปุ๊บก็รีบตอบรับทันที 4 ใบ แบบไม่คิดอะไรมาก กะว่าไปวิ่งคนเดียวก็ได้ ที่เหลือก็เอาเสื้อมาแจกคนอื่น แต่บังเอิญมีน้อง ๆ สนใจ ก็เลยขายต่อบัตรไป ร่วมกันทำบุญไปครับ

มาช้าก็ลำบากหน่อย
ผมไปถึงงานก่อนตีห้าเล็กน้อยทำให้ทางเข้าที่จอดรถตรงคณะอักษรฯ จุฬาฯ ยังไม่เปิด เลยดุ่ม ๆ เข้าไปหาที่จอดในเตรียมฯ เห็นมีรถขับเข้าไปก็เลยติดสอยห้อยตามไปด้วย ได้ที่จอดติดสนามฟุตบอลเลย โชคดีไป

แต่น้องอีกคันนึงมาช้าไปนิด เลยทำให้หาที่จอดลำบาก แนะนำว่าถ้าใครจะมางานนี้ควรมาเช้ามาก หรือไม่ก็ไม่ควรนำรถมาเพราะที่จอดค่อนข้างจำกัดจริง ๆ จะให้จอดที่ตึกจอดรถตรงคณะอักษรฯ จุฬาฯ ผมว่าก็ออกจะไกลไปนิดหนึ่ง ถ้าจะไปจอดตรงนั้นแนะนำให้นำเป้มาใส่ของและฝากตรงตึก 8 จะสะดวกกว่าเดินกลับไปกลับมาครับ

อลังการสนามกีฬา
เนื่องจากไม่ได้กลับมาเยี่ยมโรงเรียนนานมาก (หรือมาแต่ไม่ได้แวะเข้ามาข้างในมากนัก) ทำให้ไม่ทราบว่าตอนนี้สนามฟุตบอลของเตรียมฯ มีอัฒจันทร์ มีรั้วรอบขอบชิด และมีลู่วิ่งสวยงาม สมัยผมเรียนจำได้ว่าเป็นสนามหญ้า 2 สนาม มีโกล์ฟุตบอลตั้งไว้ให้เล่น มีรั้วบ้างเล็กน้อย

อบอุ่นร่างกาย
เนื่องจากสนามมีลู่ให้วิ่ง ก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ 2 รอบสนาม ก็ประมาณ 800 เมตร แล้วก็มายืดเหยียด ซึ่งตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาประมาณ 5.45น. ได้ยินประกาศว่าจะปล่อยตัว 6.30น. เอิ่ม... อีกนานเลย ก็เลยอบอุ่นร่างกายแต่เพียงเท่านั้นก่อน ค่อยทำอีกครั้งก่อนวิ่งซัก 20 นาที

แอบขำผู้ดำเนินรายการประกาศว่า "เดี๋ยวจะมีผู้นำอบอุ่นร่างกายนะครับ ผมไม่ได้ห่วงนักวิ่งนะ แต่ผมห่วงนักเรียนของเราเนี่ยแหละ วัน ๆ คงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกัน"

ก็เด็กเตรียมฯ หนะนะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกันหรอก สมัยผมเรียน (อ้างอีกแล้ว) ผมเหมือนเป็นตัวประหลาดเพราะชอบเล่นกีฬา ในขณะที่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเรียนซะมาก แค่จะเตะฟุตบอลนี่ต้องรวบรวมพลังมากมายกว่าจะครบทีม

วิ่งแบบเจียมตัว
เนื่องจากเป็นการกลับมาวิ่งครั้งแรกหลังจากอู้ เอ้ย! พักจากอาการบาดเจ็บ ไป 3 สัปดาห์ จึงเริ่มด้วยเพซ 8 นาทีต่อกิโลเมตร แล้วค่อย ๆ ลดลงมาคงที่ ที่ 7 นาทีต่อกิโลเมตร สำหรับระยะทางแค่ 8 กิโลเมตรถือว่าช้ามากทีเดียว แต่คิดว่าน่าจะดีกับร่างกายที่เพิ่งกลับมา

วิ่งจับใจ
เป็นครั้งแรกที่วิ่งโดยใช้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ  (HR, Heart rate) ถึงกับตกใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้วัดขณะปั่นจักรยานพบว่าแทบไม่เคยเกิน 150 ครั้งต่อนาที ครั้งนี้วิ่งไปไม่ถึงครึ่งกิโล HR ปาเข้าไป 160 แล้ว แต่ก็ไม่เหนื่อยมากนะ ก็เลยไม่ได้ลดเพซลงมา พยายามให้คงที่ไม่เกิน 180

ขายหน้าหลังเข้าเส้นชัย
หลังจากเข้าเส้นชัยรับเหรียญที่ระลึกเรียบร้อย ก็เดินไปหาน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่และของกินตามซุ้มที่มีอยู่มากมาย เพียงพอกับนักวิ่งทุกท่าน ขณะที่กำลังกินอยู่นั้นก็ได้ยินประกาศว่า "นักเรียนที่เดินช่วยชิดขวาเพื่อหลีกทางนักวิ่งด้วยนะครับ" อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กเตรียมฯ ไม่สนใจ คือไม่รู้ไม่ได้ตั้งใจฟัง หรือฟังแต่ไม่ทำตาม ก็ชั้นจะเดินแบบนี้หนะ

ทำให้ผู้ประกาศเปลี่ยนการประกาศเป็น "นักวิ่งสามารถวิ่งชนคนที่เดินเกะกะได้เลยนะครับ เพราะประกาศภาษาไทยแล้วไม่เข้าใจกัน" แบบว่า ผมอายนะ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าคนหนึ่ง รู้สึกอายมาก เหมือนโดยตบคว่ำแล้วกระทืบซ้ำกันเลยทีเดียว แอบเศร้า...

สรุป
วัดระยะทางที่วิ่งได้ 7.6 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 51 นาที 56 วินาที คิดเป็นเพซเฉลี่ย 6 นาที 51 วินาทีต่อกิโลเมตร ก็ถือว่าไม่เลวสำหรับการกลับมาวิ่งอีกครั้ง

และการวิ่งในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า "ผมรักการวิ่ง" ได้วิ่งแล้วมันสดชื่น สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ดีใจที่ได้วิ่งในวันนี้ครับ



Saturday, November 2, 2013

Weekly Training Summary 2013-10-28 to 2013-11-03

วันอังคารที่ 29 ต.ค. 56 : วิ่ง 6 กิโลเมตร
ลองวิ่งด้วยรองเท้าคู่ใหม่ (รุ่นเดิม แต่คนละสี) จะได้ให้มันบานและเข้ากับเท้าทันมาราธอนพอดี

ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่ก่อนวิ่ง เพราะลืมเอาสายรัดแว่นมา ทำให้ต้องวิ่งด้วยสายตารางเลือน ดีที่คุ้นกับทางวิ่ง มิเช่นนั้นแล้วคงมีล้มหัวคะมำบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค. 56 : วิ่ง 10 กิโลเมตร
กลับมาใช้รองเท้าคู่เก่า เพราะกลัวว่าถ้าวิ่งไกลหน่อย กับคู่ใหม่จะมีปัญหา วิ่งได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร พักกินน้ำและเดินทุก 2 กิโลเมตรได้ตามที่ตั้งใจ

วันเสาร์ที่ 2 พ.ย. 56 : วิ่ง 6 กิโลเมตร
สลับใช้คู่ใหม่ มันจะได้บานบ้าง

วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย. 56 : วิ่งยาว 23 กิโลเมตร
เริ่มวิ่ง 6 โมงนิด ๆ เหตุผลหนึ่งที่ไม่เริ่มเช้ากว่านี้ (ตี 5) เพราะอยากลองอากาศช่วง 9 - 10 โมง ว่าสภาพร่างกายจะเป็นยังไง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ... อยากนอนเยอะ ๆ หน่อย (อีกมุมก็คืออยากตื่นสาย อิอิ)

วันนี้แปกเป้น้ำ 3 ลิตรมาใช้ด้วย จะได้ไม่ต้องออกมาเติมน้ำใส่กระติกบ่อย ๆ ช่วง 8 กิโลเมตรแรกวิ่งได้ตามที่ตั้งใจ แต่หลังจากนั้นเละ จากเดิมที่จะพักเดินทุก ๆ 2 กิโลเมตร ก็ต้องย่นเป็นทุก ๆ 1 กิโลเมตร ช่วงหลัง ๆ นี่หนักเลย เดิน 200 เมตร วิ่ง 300 เมตร เกินกว่านั้นไม่ไหว

ตั้งแต่ 16 กิโลเมตร รู้สึกว่า Hamstring ที่ขาซ้ายเหมือนจะพร้อมเป็นตะคริว เลยต้องปรับแผนเดินสลับวิ่ง ตอนแรกเดิน 100 เมตร วิ่ง 400 เมตร สุดท้ายจบที่ เดิน 200 เมตร วิ่ง 300 เมตร เฮ้อ ชีวิต

อากาศช่วง 8 - 10 โมง ก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรมาก เพราะวันนี้มีลมเย็น ๆ พัดเป็นระยะ ๆ มีต้นไม้ให้ร่มเงาเกือบตลอดทาง ที่ต้องพักเดินมี 2 สาเหตุคือเหนื่อย (หัวใจเต้นแรงและหอบ) กับกล้ามเนื้อขาเริ่มรวน กลัวจะบาดเจ็บเลยต้องพัก

สรุปว่าวันนี้วิ่ง (และเดินซะเยอะ) ได้ระยะทางตามเป้าหมายคือ 23 กิโลเมตร แต่เวลานี่พลาดไปเยอะ ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง 23 นาที 47 วินาที (เพซ 8 นาที 46 วินาที ต่อกิโลเมตร)