Tuesday, July 2, 2013

Running Event 2013-06-30 : Sukhothai Marathon

รายการนี้จัดโดย Unique Running เล็งไว้ได้พักใหญ่แล้ว กะว่าจะรอให้วิ่ง Columbia Trail Masters ที่เขาไม้แก้วเสร็จ ประเมินร่างกายแล้วจึงเลือกว่าจะสมัครควอเตอร์หรือฮาล์ฟมาราธอน แต่ปรากฏว่ามีบูธรับสมัครที่งาน Columbia Trail Masters ก็เลยคิดว่า "เอาวะ สมัครฮาล์ฟเลยแล้วกัน" ด้วยความคิดฉับพลันในวันนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องวิ่งฮาล์ฟในวันนี้

งานนี้มีผู้ติดสอยห้อยตามมา 1 คน แต่ไม่ได้วิ่งด้วย นั่นคือน้องสาวคนสวยของผมเอง ถือว่าพามาเที่ยวแก้เครียดก็แล้วกัน และได้พลขับรับ - ส่งจากโรงแรมไปยังงานวิ่งด้วย ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย

บูธรอแยล-ดี และ ซินเนอจี อร่อย!

Bib: M30 2018 และ Chip แบบติดกับ Bib

Garmin ไม่ผิด

หลังจากขับรถมาอย่างเมื่อยจากกรุงเทพฯ ถึง สุโขทัย เป็นที่เรียบร้อย เช็คอินที่พัก และรับ Bib ที่งาน Expo เสร็จก็ตั้งใจว่าจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย น้องสาวกด Garmin ประจำรถแล้วผมก็ขับตามที่ Garmin บอก ตอนที่ดู overview ก็รู้สึกแปลก ๆ นิดนึงตรงที่ทำไมทางมันดูโค้งเยอะจัง ประมาณขึ้นเขา แต่ไม่เป็นไร มันคงพาไปถูกที่แหละ

เมื่อเกือบจะถึง เห็นมีด่านกั้น จึงได้ลงไปถามเจ้าหน้าที่ มีบทสนทนาประมาณนี้

เจ้าหน้าที่ : "มาเที่ยวน้ำตกกันเหรอคะ"
น้องสาว : "มาเที่ยววัดโบราณค่ะ อยู่ตรงไหนคะเนี่ย ไม่เห็นมี"
เจ้าหน้าที่สวนกลับมาทันทีว่า : "อ๋อ นั่นคงจะเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ แต่ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติค่ะ มีแต่น้ำตก"
น้องสาวเหงื่อตก : "เอิ่ม... แล้วอุทยานประวัติศาสตร์ไปทางไหนคะ"
เจ้าหน้าที่ : "ก็กลับไปทางเดิมหนะค่ะ ประมาณ​ 60 กิโล"
น้องสาวเหงื่อตกยิ่งกว่าเดิม : "ค่ะ ขอบคุณค่ะ"


สีเขียวคือที่พักและงานวิ่ง
สีแดงคืออุทยานแห่งชาติ
สีน้ำเงินคืออุทยานประวัติศาสตร์ (เป้าหมายแท้จริง)

หลุดโลก

หลังจากนั้นเจ้าน้องสาวตัวดีของผมก็เดินหน้าเจื่อน ๆ มาที่รถแล้วบอกว่าต้องย้อนกลับไปทางเดิม โดยคิดว่าคงจะต้องโดนผมด่ายับแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้จะด่าน้องไปทำไม เพราะผมเองก็ได้ดูเส้นทางก่อนด้วย ก็รับผิดร่วมกันไปนะ ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไรย้อนก็ย้อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ๆ เพราะเข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปอีกยังอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าใครยังไม่เคยมา แนะนำครับ


โบราณสถาน วัดเจดีย์เจ็ดแถว

อิฐในโบราณสถาน


โบราณสถาน วัดนางพญา

หิวอย่างสงบ

ขับรถและเดินอยู่ในอุทยานได้พักใหญ่ ท้องเริ่มร้อง จึงได้เวลาหาอะไรกินและกลับที่พักเพื่อเตรียมตัววิ่งในวันพรุ่งนี้ หาจาก Internet ได้มา 2 - 3 ร้าน ก็ลองขับไปเรื่อย ๆ พบว่าดูไม่ค่อยจะเปิดกัน (หรือปิดแต่หัววันก็ไม่แน่ใจ) ร้านสุดท้ายที่อยู่ใน List (เพราะอยู่ไกลสุด) คือร้านกุหลาบ หวังว่าจะโอเค ก็ขับรถตามที่ Garmin บอกไปที่ ต.หาดเสี้ยว ขณะที่กำลังขับรถไปก็เสพบรรยากาศและชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ พบว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองเงียบ ๆ ใช้ชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง และ Mobile Internet ก็พอใช้ได้อยู่ ถ้ามี Internet (แบบมีสาย) แรง ๆ หละก็ น่ามาตั้งฐานทัพ Software Development ที่นี่มาก ๆ

ป้ายร้านกุหลาบ ณ หาดเสี้ยว


ฝันร้าย

หลังจากหลับไปประมาณสามทุ่มกว่า ระหว่างนอนฝันว่า DNF เพราะวิ่งผิดทางเนื่องจากวิ่งในทางวิ่งของระยะควอเตอร์ แทนที่จะวิ่งในเส้นทางของระยะฮาล์ฟ ถึงกับตกใจตื่น เฮ้อ... ท่าจะเกร็งหนักนะเนี่ย

ตื่นเช้า

หลังจากตื่นเพราะฝันร้ายก็หลับต่อ และตื่นตั้งแต่ตี 3 กว่า ๆ เพื่อหาพลังงานเข้าตัว เพราะต้องเริ่มวิ่ง 5.30น. ก็กินเท่าที่มี ไม่พกกระติกน้ำไปด้วย โดยใช้แก้วใบไม้ที่ได้มาจากภูเก็ตมาราธอนแทน เพราะคิดว่าน่าจะมีสถานีน้ำบริการดีตลอดทาง แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็ให้น้องสาวขับรถไปส่งที่งานวิ่ง เนื่องจากที่พักอยู่ในทางวิ่งมาราธอน จึงอยากไปถึงก่อนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสร้างควันให้นักวิ่งมาราธอน และจะได้ยืนให้กำลังใจขณะปล่อยตัวผู้กล้าฟูลมาราธอนทุกคนด้วย

เหล่าผู้กล้าฟูลมาราธอน

บรรยากาศอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตอนกลางคืน

หลังจากปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนแล้ว ก็เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่ง ผมจึงเดินเล่นภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ใกล้ ๆ ที่จัดงานวิ่ง ไม่กล้าไปไกลเพราะยังมืดอยู่มาก บรรยากาศภายในอุทยานดูขลังทีเดียว แอบขนลุกนิด ๆ ปีหน้าว่าจะเอารถมาจอดภายในงาน และขนกล้องมาถ่ายด้วย ใช้มือถือถ่ายไม่มันมือเลยอ้ะ

ใกล้เช้าแล้ว เลยมีแสงเติมมานิดหน่อย

ออกตัว

หลังจากวอร์มอัพเรียบร้อยก็ได้เวลาปล่อยตัวของนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 5... 4... 3... 2... 1... ปู๊นนน เริ่มออกวิ่งโดยตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 7:15 แหม... หาญกล้านะจ๊ะ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโศกนาฏกรรมที่กิโล 19 ก็เป็นได้

วิ่งไปถ่ายไป

ข้าศึกบุกอีกแล้ว เห็นว่ามาเมืองหลวงเก่าใช่มั้ย บุกมาตั้งแต่กิโล 0 เลยทีเดียว แต่ก็ทน ๆ ไป ผ่านไป 2 กิโลก็ถอนทัพกลับ รอดไปวันนี้ บรรยากาศระหว่างทางวิ่งดีมาก อากาศดี แทบไม่มีรถปล่อยควันให้หงุดหงิดใจ นักวิ่งมากันไม่ค่อยเยอะ ผมชอบนะ เพราะผมเป็นโรคเกลียดความอึดอัด หนาแน่นของประชากร บรรยากาศดีแบบนี้ทำให้เริ่มอยากถ่ายรูป ก็วิ่งไปถ่ายรูปไป จังหวะการวิ่งก็จะเพี้ยน ๆ หน่อยเพราะเวลาถ่ายรูปก็ต้องหยุด ชักภาพเสร็จก็วิ่งต่อ สงสัยจะสาเหตุนี้ด้วยเลยทำให้ลำบากตอนท้าย ๆ

นาข้าวเขียวขจี

ออกอาการ

พอถึงกิโล 6 น่องซ้ายมีอาการกระตุกคล้ายจะเป็นตะคริวเล็กน้อย แต่คิดว่ายังไหว ระยะทางยังอีกยาวไกล ก็วิ่งประคองพยายามไม่ใช้น่องซ้ายอย่างรุนแรงนัก

บรรยากาศก็เขียว ๆ อย่างนี้ตลอดทาง

หมดแรง

ตั้งแต่กิโล 12 เป็นต้นไปแรงเริ่มหมดต้องเดินบ้างวิ่งบ้างตามจังหวะ ก็ไม่วิ่งตาม Pace ตอนซ้อมนี่หว่า สมน้ำหน้า

ที่จุดให้น้ำกิโล 14 มี Synergy ให้ดื่มด้วย เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี ซัดน้ำเปล่าไป 2 แด้ว Synergy อีก 2 แก้ว สบายไป ที่จุดนี้มีห้องน้ำให้บริการด้วย เข้าใจว่าเป็นห้องน้ำของรีสอร์ทที่อยู่บริเวณนั้นพอดี ขอบคุณสำหรับการให้ความสนับสนุนนักวิ่งครับ ขอโทษที่ลืมถ่ายรูปมาด้วย

ก่อนถึงกิโล 15 เล็กน้อยมี Check Point ให้วิ่งผ่าน โดยมีชาวต่างชาติคอยดูแลอยู่ ด้วยความที่เป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษมาก ก็ต้องโชว์ออฟเล็กน้อย "แท๊งกิ้ว" "เว้วคั่ม" คือคำตอบจากฝรั่ง


วิ่งช้าจัด ไม่เห็นฝุ่นคนข้างหน้าเลย


ทุกระยะ จงเลี้ยวโดยพร้อมเพรียงกัน

ที่จุดให้น้ำกิโล 17 เจอสาวนักวิ่งหนึ่งท่านพกแก้วใบไม้จากลากูน่ามาใช้เหมือนกัน ได้ทักทายกันเล็กน้อย แล้วเธอก็วิ่งจากไป คือ... ผมวิ่งไม่ทันเค้าหนะ เฮ้อ...

แดดสาด

ประมาณกิโล 18 แดดเริ่มแรง แถมมาทิศตรงหน้าระวังอีกต่างหาก ดีนะใส่หมวกมาด้วย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ


กิโลสิบแปด แดดสาด

หมดทุกเม็ด

พอถึงกิโล 19 ก็พบว่าน่องซ้ายไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถยกสูงจากพื้นได้มากนัก ยกสูงปุ๊บอาการคล้ายเป็นตะคริวตามมาทุกครั้ง เลยต้องเดินไป กะว่าจะวิ่งที่กิโล 20 จนถึงเส้นชัยให้ได้

กิโล 20 มีจุดให้น้ำสุดท้ายรออยู่ ซัดโฮกไป 2 แก้ว แล้วก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อเข้าเส้นชัยในท่าวิ่งให้ได้ และแล้วก็เข้าเส้นชัยได้ในที่สุด เย้!

น้องสาวบอกว่าเหมือนห้อยพระ

บทสรุป

ผมคิดว่าที่แรงหมด และกล้ามเนื้อเกือบเป็นตะคริวนั้น น่าจะเกิดจากการวิ่งอย่างไม่มีวินัยของผมเอง นึกจะเร่งก็เร่ง นึกจะหยุดก็หยุด การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง และกินน้ำน้อยเกินไปในวันก่อนวิ่ง คราวหน้าจะปรับปรุงครับ!

สถิติในการวิ่งครั้งนี้คือ 21.1 กิโลเมตร ในเวลา 2 ชั่วโมง 52 นาที (STRAVA imported data from Garmin) ดีกว่าฮาล์ฟครั้งแรก ก็โอเคนะ ^_^

6 comments:

  1. "อยากไปถึงก่อนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสร้างควันให้นักวิ่งมาราธอน"
    ประทับใจตรงนี้ ^____^
    แถมยังเป็น green runner ร่วมใช้แก้วใบไม้อีก
    ยกนิ้วให้ 10 นิ้วเลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. เยี่ยมมากเลย ยินดีด้วยค่า

    ReplyDelete
    Replies
    1. ยินดีกับถ้วยที่หัวหินของคุณฮั้วด้วยนะคร้าบ

      Delete
  3. ขออนุญาตเก็บรูปไว้นะคะ ขอบคุณค่ะ ดีงามมากเลย อยากได้รูปวัดมหาธาตุตอนจุดเทียน : )

    ReplyDelete