Sunday, July 21, 2013

Running Event 2013-07-21 : Pattaya Marathon 2013

ก่อนวิ่ง

พัทยามาราธอนเป็นงานวิ่งใหญ่งานหนึ่งประจำปี ตอนวางแผนว่าจะมาก็ไม่ได้ดูปฏิทินว่าตรงกับช่วงหยุดยาวพอดี ดังนั้นขามาจึงค่อนข้างลำบากเพราะรถติดบนมอเตอร์เวย์อย่างยาวนาน ออกจากบ้าน 11 โมง กว่าจะถึงที่พัก แถวนาเกลือก็ 4 โมงเย็นเลยทีเดียว เฮ้อ... เหนื่อยนะ

จากที่พักเห็น Centara Grand Mirage ด้วย สวยดี


แถมการเดินทางจากที่พักไปถึงงาน (Central Festival Pattaya Beach) เพื่อรับเสื้อ Bib และ Chip นั้นก็เหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย กว่าจะไปถึง และหาที่จอดรถได้ก็เมื่อยทีเดียว

คนล้นหลาม

ผมสมัครผ่านเวบ GAA ไว้ และมีอีเมลมาแจ้งว่าให้ไปติดต่อที่บูทของ GAA เพื่อรับของ เดินวนรอบแรกไม่เห็น (ตาถั่วเอง) พอเดินมาอีกรอบก็รู้ตัวว่าพลาดซะแล้ว เพราะตอนผ่านไปรอบแรกคนว่างโล่งโจ้ง แต่พอมารอบสองเจอทัวร์นักวิ่งจากจีนแถวยาวเหยียดเลย ก็ต่อแถวไป ของที่ได้สำหรับนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนคือ เสื้อ กระเป๋า Bib 2 ใบ (ติดด้านหน้าและด้านหลัง) และ Chip (ตอนกลับตัวได้ของที่ระทึกน่าสะสมเพิ่มด้วยนะ)

หลังจากรับของเรียบร้อย ก็ไปแวะเอาของที่สั่งไว้กับบูท BananaRunning คือ SpiBelt Endurance 1 เส้น, Compressports R2 ขนาด T3 จำนวน 2 คู่ กว่าจะเดินตามถนนด้านหน้าห้าง จนถึงร้านได้ก็นึกว่า เอ... เราเดินเลยร้านมาหรือยังนะ เพราะร้านเยอะมาก ๆ กลัวตาถั่วอีกรอบ และแล้วเดินจนจะสุดบริเวณที่จัดงานก็เจอบูทจนได้ งานนี้ท่าทางจะขายดีเพราะคนเต็มร้านไปหมด ได้รับของตามที่สั่งไว้เรียบร้อยก็ถึงเวลาหาอะไรกิน ตุนพลังงาน อ้อ ได้ซื้อ Gu Gel 2 ซองจากอีกร้านนึงด้วย รส Espresso กับ Blueberry เดี๋ยวตอนวิ่งจะบอกว่ารสชาติเป็นยังไง

อาหารเย็นวันนี้คือ Sizzler จัด Pasta ซะ 2 จาน คิดว่าน่าจะเพียงพอ (เพราะกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อิ่มเกิน) ก็รีบกลับไปที่พักเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้โดย ติด Bib เข้ากับเสื้อวิ่งของงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติด Chip เข้ากับรองเท้า ลอง Compressports R2 พบว่ารู้สึกกระชับดี น่าจะช่วยการวิ่งในวันรุ่งขึ้นได้ดี และสุดท้ายคือรีบนอน มีสมาชิกทริป (ยอด) เตรียมกล้วยหอมเอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วย ได้หลับประมาณห้าทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3

ตื่นตามนาฬิกาปลุกและขับรถพาสมาชิกรวม 4 คนไปที่งานวิ่ง ตั้งใจว่าจะรีบไปก่อนที่จะปล่อยตัวนักวิ่งระยะแรก แต่พบว่าปิดถนนเรียบร้อยแล้ว พอไปถึงถนนพัทยาสายหนึ่งได้ก็รีบจอดรถแถว ๆ ปากซอยพัทยา 6 แล้วจึงเดินต่อไปที่จุดปล่อยตัว ระหว่างเดินไปได้สักพัก ได้ยินสัญญาณการปล่อยตัววีลแชร์มาราธอน จึงหยุดยืนเพื่อปรบมือให้กำลังใจกับวีลแชร์มาราธอนทุกท่านจากใจ

พอเดินถึงงานได้สักพักก็ถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน (4.30น.) จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนอีกครั้ง เวลาได้เห็นนักวิ่งมาราธอนออกตัวแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจยังไม่รู้สินะ อ้อ ปิดท้ายขบวนนักวิ่ง 800 กว่าคนด้วย พี่จุ๋ง และคุณพ่อ ให้กำลังใจคุณพ่อพี่จุ๋งเต็มที่ครับ สู้ ๆ ครับ หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวผมและยอดแล้ว

เริ่มวิ่ง

ออกตัวช้า ๆ ตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 8 นาที พอวิ่งผ่านรถก็ลองดึงประตูดูว่าลืมล็อครถหรือเปล่า พบว่า... ล็อคแล้ว เออแสดงว่ายังไม่ขี้หลงขี้ลืมนัก หลังจากเริ่มวิ่งไปได้ประมาณกิโลกว่า ๆ รู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่เข่าและข้อเท้าซ้าย แต่อาการก็คลายไปเมื่อวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง คิดว่าคงเป็นเพราะวอร์มไม่ค่อยเยอะ ก็ยังดีที่ออกตัวแบบช้า ๆ หน่อย ร่างกายจะได้ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับการวิ่ง

ทางในช่วงแรก (และพบว่าก็เป็นแทบตลอดเส้นทางนั่นแหละ) เป็นเนินยาว ๆ กันไปเลย ขึ้นลงภูเขากันตลอดทาง มีทางราบบ้างเป็นระยะพอให้ได้พัก ทางลงเนินก็จัด Negative Split ไป เช่น กิโลเมตรที่ 4 เป็นช่วงที่วิ่งเร็วที่สุดในครึ่งทางแรก (Pace 7:25) ตามมาด้วยกิโลเมตรที่ 7 (7:26) และกิโลเมตรที่ 9 (7:31)

ช่วงกิโลเมตรที่ 6 - 9 เป็นช่วงที่ต้องเจอกับนักวิ่งควอเตอร์ ในตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้าไปมั้ย เพราะโดนแซงแบบฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว แต่คนที่แซงจะเป็นนักวิ่งที่ไม่มี Bib อยู่ข้างหลัง เลยนึกได้ว่า อ้อ คงจะเป็นนักวิ่งควอเตอร์ เพราะเค้าให้ Bib แค่แผ่นเดียว แปะด้านหน้าอย่างเดียว หลังจากนักวิ่งควอเตอร์กลับตัวและวิ่งออกไปจากเส้นทางฮาล์ฟ ผมก็ได้วิ่งอย่างไม่ต้องพะวงมากนัก คือกลัวว่าจะไปขวางทางคนที่วิ่งเร็วกว่าแล้วทำเค้าล้มเพราะหลบเรา

กิโลเมตรที่ 10 ณ จุดให้น้ำ ผมหยุดพักเพื่อกิน Gu Gel รส Espresso พบว่า อร่อยกว่า Power Gel รส Vanilla เยอะเลย คราวที่แล้วยังรู้สึกจะแหวะกับ Power Gel รส Vanilla อยู่เลย แต่มาคราวนี้ประทับใจกับ Gu Gel รส Espresso สุด ๆ ถ้าเจออีกคงต้องซื้อยกแพค เพราะมีงานฮาล์ฟมาราธอนรออยู่อีกเพียบเลย

กิโลเมตรที่ 11 เป็นจุดกลับตัวของระยะฮาล์ฟมาราธอน ได้รับ Wristband สีฟ้าเป็นของที่ระทึกกลับบ้านด้วย และเนื่องจากเหลือระยะอีกครึ่งทาง และร่างกายบอกว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เหนื่อย บวกกับความห้าว จึงทำให้ลองวิ่งเร็วขึ้น พบว่าวิ่งเร็วขึ้นได้จนถึง กิโลเมตรที่ 16 (Pace เฉลี่ยประมาณ 7 นาทีนิด ๆ)

กิโลเมตรที่ 12 กว่า ๆ มีฝนตกปรอย ๆ พอวิ่งไปได้อีกแป๊บหนึ่งก็หยุด กิโลเมตรที่ 13 กว่า ๆ มี Ambulance เปิดหวอวิ่งสวนไป ในใจก็คิดว่าขอให้นักวิ่งปลอดภัยนะครับ

กิโลเมตรที่ 17 เริ่มเดินสลับวิ่งบ้าง เพราะรู้สึกว่าต้นขาและน่องมีปัญหานิดหน่อย

ช่วงที่ผ่านถนนคนเดิน

กิโลเมตรที่ 19 ครึ่ง ช่วงผ่านถนนคนเดิน หยุดวิ่งเพราะเห็นพี่นักวิ่งจาก IRPC ที่อยู่ข้างหน้าหยุดและกระเผกออกจากทางวิ่ง คิดว่าน่าจะเป็นตะคริวที่น่อง จึงหยุดและถามพี่เค้าว่าให้ช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ไหมครับ พี่เค้าก็โอเค จึงได้ช่วยดันเท้าพี่เค้าประมาณ 2 - 3 นาทีจนกล้ามเนื้อคลาย และวิ่งต่อได้ จากนั้นผมก็วิ่งนำพี่เค้าไปพักนึง จนผมเริ่มไม่ไหวเอง จึงหยุดเดินและพี่เค้าก็วิ่งแซงไปในที่สุด ผมรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเพื่อนนักวิ่งระหว่างการวิ่งครับ (อย่างนี้ผิดกติกามั้ยอะ?)

เห็น Hilton ลิบ ๆ

กิโลเมตรที่ 20 น่องเริ่มไม่ไหว น่าจะใช้แรงมากไปจะเกือบเป็นตะคริว เลยต้องวิ่งประคอง ๆ ไปจนเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด

เข้าเส้นชัย

สถิติส่วนตัววันนี้วิ่งได้ระยะ 21.3 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 46 นาที 29 วินาที Pace เฉลี่ย 7:49 นาทีต่อกิโลเมตร เป็นสถิติส่วนตัวใหม่ของระยะฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งถ้ายังไม่สามารถพัฒนาร่างกายให้ทนทานและแข็งแรงได้มากกว่านี้ก็ไม่น่าจะทำสถิติได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่แล้ว

รอบนี้เหรียญไม่หมด


Wristband สวยดีนะ ชอบครับ

บทสรุป

โดยรวมผมคิดว่าวันนี้ผมวิ่งได้ค่อนข้างดี ฟอร์มการวิ่งในช่วงกิโลเมตรที่ 11 - 16 ถือว่าสุดยอดเลย ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้น่าจะเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่
  • การรักษาวินัยในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนอนไม่ดึก (แอบดึกไปวันนึงเพราะต้องทำงาน) ดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซ้อมพอประมาณ ไม่หนักจนเกินไป ดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะวิ่งเสมอ
  • Compressports R2 ที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อน่องให้ทำงานได้อย่างดี แม้ว่าจะมีอาการตอนท้าย แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนวิ่งที่สุโขทัยมากทีเดียว
  • Gu Gel รส Espresso ที่กิโลเมตรที่ 10 อร่อยและได้พลังงาน!
  • การศึกษาการวิ่งเท้าเปล่ามาเล็กน้อย โดยนำมาทดลองปรับท่าวิ่งในช่วงที่วิ่งเร็ว พบว่าทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น


No comments:

Post a Comment