Sunday, December 15, 2013

Running Event 2013-12-15 : Ayutthaya Marathon 2013

Race #28 : Half Marathon #8 : Ayutthaya Marathon 2013

รถไฟฟรี
ครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถไฟเพราะเห็นว่าระยะทางจากสถานีรถไฟมายังที่พักที่จองไว้ไม่ไกลเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถไฟฟรีจากภาษีของประชาชน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นรถไฟฟรีนะ แต่พอไปที่สถานีบางซื่อ แจ้งเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่า "ไปอยุธยาครับ" เค้าก็ตีตั๋วฟรีมาให้ไม่มีตัวเลือกอะไรให้เลือก อะ ฟรีก็ฟรี ตอนจะขึ้นก็แอบงงนิด ๆ ว่าเรานั่งตรงไหนได้บ้างเพราะที่ตั๋วบอกว่า "ไม่มีที่นั่ง" เห็นคนเค้าก็นั่ง ๆ กันตามสะดวก ก็เลยนั่ง ๆ ไป ตากแดดไปซักพักใหญ่ ๆ ก็ถึงสถานีอยุธยา

รถไฟฟรีจากภาษีของประชาชน


มรดกไทย เกสต์เฮาส์
เนื่องจากจองช้าไปหน่อยเลยเหลือตัวเลือกไม่มาก เลยได้ที่ มรดกไทย เกสต์เฮาส์ ราคาถูกดี คิดว่านอนคืนเดียวไม่น่ามีปัญหาอะไร พอไปถึง (ขอบคุณคุณเพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับจากสถานีรถไฟไปส่งที่พักให้) ที่นี่เป็นเกสต์เฮาส์ ห้องพักอยู่ได้สบาย ๆ ข้อดีคือแอร์เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่นใช้งานได้ดี ป้องกันเสียงจากด้านนอกได้ดีมาก (มีงานเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ แต่แทบไม่ได้ยินเสียงเลย) ทำให้นอนสบายมาก ส่วนข้อเสียคือปลั๊กเป็นแบบ 2 รูแบบเก่า ไม่มีสายดิน ไม่มีทีวี (ก็ไม่จำเป็นนะ เพราะไม่ได้ดู) ตอนกลางคืนอินเตอร์เน็ตมือถือมีปัญหา (อาจจะเพราะมีงานเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ คนเลยเยอะมาแย่งสัญญาณกัน)

Expo by Unique Running
หลังจากเก็บของที่มรดกไทยเรียบร้อยก็เดินทางไปงาน Expo ขั้นตอนการรับเสื้อและ Bib ตลอดจนเช็คชิปก็ไม่ล่าช้าอะไร มีขายของเยอะเหมือนกันนะ แต่ไม่มีชิ้นที่ผมสนใจเลยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมา ในงานมีเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกให้เหล่านักวิ่งด้วย ดีจริง รถไฟก็ฟรี ยังมีข้าวฟรีอีก หุหุ ขอบคุณคร้าบ

โรตีอาบีดีน
หลังจากกินข้าวเย็น (ก๋วยเตี๋ยวยังไม่อิ่มมาก เลยต้องมากินผัดไทต่อแถวสวนสมเด็จฯ) นึกได้ว่าน่าจะซื้อโรตี ลองค้นดูพบว่าร้านอาบีดีนน่าจะดี ก็เลยเดินไปหาพบว่าเออดีจริง ๆ คนขายเป็นมิตรมากคุยไม่หยุด เป็นประสบการณ์การซื้อโรตีที่ประทับใจไม่เบา

หลังจากเข้า 7-11 เพื่อซื้ออาหารสำหรับกินตอนเช้าเรียบร้อยก็เดินกลับที่พัก ไกลอยู่นะ แต่สำหรับนักวิ่งระยะไกลมันก็ไม่ได้ไกลหรอก จริงมั้ย

ก่อนวิ่ง
เข้านอนตอนสามทุ่ม ตื่นตีสาม (ออกตัวตีห้าครึ่ง) กินกล้วยไป 2 ลูก แซนด์วิชทูน่า 1 อัน และแลคตาซอย 300 cc รู้สึกว่าจะอิ่มไปหน่อย เลยนั่งพักและแต่งตัวไปด้วย ออกจากที่พักประมาณตี 4 ครึ่ง เดินออกไปเจอพี่จุ๋งและคุณพ่อพอดี ดีใจที่ได้เจอทักทายและให้กำลังใจท่านทั้งสอง แล้วก็มุ่งหน้าไปงานวิ่ง เดินไปซักพักมีเสียงจากฝั่งตรงข้ามตะโกนมา "ไปงานวิ่งรึป่าวครับ" อ้อ พี่ ๆ หน่วยกู้ภัยที่มาให้บริการในงานวิ่งตะโกนมาถาม เราก็ว่าจะเดินไปนะ แต่ถ้ามีผู้ใจดีรับอาสาไปส่ง ไฉนเลยจะปฏิเสธน้ำใจใช่มั้ย เลยได้นั่งมอเตอร์ไซค์ไปงานวิ่ง สบายไป ฟรีอีกแล้ว

ก่อนวิ่งเจอเพื่อนนักวิ่งขาโหด จึงคิดว่าจะลองวิ่งตามดูว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน

หมดแรง
หลังจากปล่อยตัว ก็ลองวิ่งเกาะกลุ่มเพื่อนขาโหดไปซักพัก พบว่าเป็นเพซที่เร็วกว่าที่ซ้อมพอสมควร ลองฝืนไปจนไม่ไหว ก็เลยหมด... ซวยแล้วสิ กว่าจะถึงน้ำจุดแรกก็กิโลเมตรที่ 5 เกือบจะแห้งตายคาถนนซะแล้ว

หลังจากนั้นก็เดินสลับวิ่ง มันหมดแบบว่าหมดจริง ๆ เข็ดแล้วคราวหน้าจะไม่ซ่าอีก กระซิก ๆ

Bib และเหรียญ


รอบนี้ใช้เวลาวิ่งไปเกือบ 3 ชั่วโมง เวลาแย่มาก แต่ก็ถือซะว่าเพิ่งกลับมาซ้อมใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน สัปดาห์หน้าที่เชียงใหม่ก็คงไม่วิ่งเร็วมากเพราะตั้งใจจะช่วยกันลากน้องใหม่ระยะฮาล์ฟ 2 คนให้ถึงเส้นชัยให้ได้




Thursday, December 5, 2013

Running Event 2013-12-05 : Run for the King 2013 Water for Child

Race #27 : Quarter Marathon : Run for the King 2013 Water for Child

ไปเช้าได้เปรียบ
ออกจากบ้านประมาณตี 4 ครึ่ง ไปถึงสวนลุมพินีประมาณตี 5 หาที่จอดรถได้สบาย ๆ ไม่ต้องไปไกลนัก และไม่ต้องจอดขวาง

ออกตัวด้วยการเดิน
งานนี้คนค่อนข้างเยอะ และปล่อยตัวช้านิดนึง แต่ไม่ว่ากัน เพราะอากาศค่อนข้างเย็นสบาย พอปล่อยตัวก็ค่อย ๆ เดินออกไปช้า ๆ

วิ่งอย่างมีแผน
วันนี้ได้เตรียมแผนการวิ่งไว้ด้วยคือวิ่ง Tempo ช้า 2 km และเร็ว 2km สลับไปเรื่อย ๆ นิยามเพซช้าคือ 7 นาทีกว่า ส่วนเพซเร็วคือแถว ๆ 6 นาที

ช่วงหลังจาก 300 เมตรแรก จึงเริ่มวิ่งได้ และต้องวิ่งทำความเร็วพอสมควรเพราะต้องฝ่าผู้คนมากมายที่อัดอั้นตันใจมาจากการเลื่อนงานวิ่งหลาย ๆ งาน คนเลยเยอะมากถึงมากที่สุด วิ่งซอกแซกซ้ายขวา ขึ้นลงฟุตบาทเป็นว่าเล่น กว่าจะได้ปรับเพซให้ตรงตามที่วางแผนไว้ก็ต้องผ่านระยะ 2 กิโลเมตรไปแล้ว ซึ่งถึงตรงนี้ต้องวิ่งด้วยเพซเร็ว ก็จัดไป 2 กิโลเมตร จนถึง 4 กิโลเมตรค่อยผ่อนมาวิ่งเพซช้า

ปรับเพซทันใจด้วยคำสอน
เข้ากิโลเมตรที่ 7 กับ 8 ก็ปั่นเร็วได้ตามต้องการ โดยทุกครั้งที่ต้องการรีดความเร็ว จะต้องตั้งใจจัดท่าวิ่งให้ดี นึกถึงคำสอนที่แอบจำ ๆ มา โดยเฉพาะคำว่า “ยกส้นเท้า” พอนึกถึงคำนี้ปุ๊บ ปรับท่าวิ่งแล้วความเร็วมันก็เพิ่มขึ้นได้ทันทีเลยแฮะ ขอบคุณครูดินครับ (แอบลักจำมาจากคุณฮั้วอีกที อิอิ)

สนามวิ่งไม่อำนวย
กิโลเมตรที่ 9 กับ 10 จะต้องวิ่งช้า แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเพราะประมาณ กิโลเมตรที่ 9.5 จะต้องวิ่งผ่านแยกใหญ่ (ถนนสาทรตัดกับถนนพระรามที่สี่) เจ้าหน้าที่ก็เรียกตามเคย “เอ้าเร็วครับ เร็ว” … โอเค เร็วก็ได้ ก็เลยพยายามกดเพซกะให้เร็วจนถึงเส้นชัยเลย (มีน่องกระตุกเล็กน้อยตอนเร่งผ่านแยก โดยไม่มีผลอะไร สามารถวิ่งต่อได้สบาย) แต่ทางก็ไม่เอื้ออำนวยอีกเพราะพอเข้าถนนวิทยุก็ต้องวิ่งแถวตอนเรียงเดี่ยว เนื่องจากมีรถทัวร์จอดอยู่ริมทางมากมาย เลยปั่นได้แค่นั้น และเหมือนว่าแรงก็จะหมดด้วย เลยไม่ได้รีดแรงจนหยดสุดท้าย

หลังเข้าเส้นชัย
หลังจากเข้าเส้นชัย เดินไปอีกระยะหนึ่งถึงจะได้รับโล่ (งานนี้แจกโล่อันเล็กน่ารักแทนเหรียญ) แล้วก็เดินครับ เดินคูลดาวน์ไปเรื่อย ๆ ราว ๆ 700 - 800 เมตรจึงวนกลับมาหาที่ยืดเหยียดและรอเพื่อน ๆ

กินโอวัลตินไป 2 แก้วเล็ก และเดินฝ่าเหล่านักวิ่งกลับไปใกล้ ๆ เส้นชัยเพื่อหอบน้ำเปล่ามา 4 ขวด แจกตัวเองและเพื่อนอีก 3 คน คนละขวด

สรุป
สถิติวันนี้ดีทีเดียว สำหรับการวิ่งในเมือง 1 ชั่วโมง 12 นาที 2 วินาที บนระยะทาง 10.8 กิโลเมตร คิดเป็นเพซ 6 นาที 40 วินาที ต่อ กิโลเมตร อัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ยอยู่ที่ 172 bpm เหนื่อยกำลังดี