ก่อนวิ่ง
พัทยามาราธอนเป็นงานวิ่งใหญ่งานหนึ่งประจำปี ตอนวางแผนว่าจะมาก็ไม่ได้ดูปฏิทินว่าตรงกับช่วงหยุดยาวพอดี ดังนั้นขามาจึงค่อนข้างลำบากเพราะรถติดบนมอเตอร์เวย์อย่างยาวนาน ออกจากบ้าน 11 โมง กว่าจะถึงที่พัก แถวนาเกลือก็ 4 โมงเย็นเลยทีเดียว เฮ้อ... เหนื่อยนะจากที่พักเห็น Centara Grand Mirage ด้วย สวยดี |
แถมการเดินทางจากที่พักไปถึงงาน (Central Festival Pattaya Beach) เพื่อรับเสื้อ Bib และ Chip นั้นก็เหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย กว่าจะไปถึง และหาที่จอดรถได้ก็เมื่อยทีเดียว
คนล้นหลาม |
ผมสมัครผ่านเวบ GAA ไว้ และมีอีเมลมาแจ้งว่าให้ไปติดต่อที่บูทของ GAA เพื่อรับของ เดินวนรอบแรกไม่เห็น (ตาถั่วเอง) พอเดินมาอีกรอบก็รู้ตัวว่าพลาดซะแล้ว เพราะตอนผ่านไปรอบแรกคนว่างโล่งโจ้ง แต่พอมารอบสองเจอทัวร์นักวิ่งจากจีนแถวยาวเหยียดเลย ก็ต่อแถวไป ของที่ได้สำหรับนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนคือ เสื้อ กระเป๋า Bib 2 ใบ (ติดด้านหน้าและด้านหลัง) และ Chip (ตอนกลับตัวได้ของที่ระทึกน่าสะสมเพิ่มด้วยนะ)
หลังจากรับของเรียบร้อย ก็ไปแวะเอาของที่สั่งไว้กับบูท BananaRunning คือ SpiBelt Endurance 1 เส้น, Compressports R2 ขนาด T3 จำนวน 2 คู่ กว่าจะเดินตามถนนด้านหน้าห้าง จนถึงร้านได้ก็นึกว่า เอ... เราเดินเลยร้านมาหรือยังนะ เพราะร้านเยอะมาก ๆ กลัวตาถั่วอีกรอบ และแล้วเดินจนจะสุดบริเวณที่จัดงานก็เจอบูทจนได้ งานนี้ท่าทางจะขายดีเพราะคนเต็มร้านไปหมด ได้รับของตามที่สั่งไว้เรียบร้อยก็ถึงเวลาหาอะไรกิน ตุนพลังงาน อ้อ ได้ซื้อ Gu Gel 2 ซองจากอีกร้านนึงด้วย รส Espresso กับ Blueberry เดี๋ยวตอนวิ่งจะบอกว่ารสชาติเป็นยังไง
อาหารเย็นวันนี้คือ Sizzler จัด Pasta ซะ 2 จาน คิดว่าน่าจะเพียงพอ (เพราะกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อิ่มเกิน) ก็รีบกลับไปที่พักเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้โดย ติด Bib เข้ากับเสื้อวิ่งของงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติด Chip เข้ากับรองเท้า ลอง Compressports R2 พบว่ารู้สึกกระชับดี น่าจะช่วยการวิ่งในวันรุ่งขึ้นได้ดี และสุดท้ายคือรีบนอน มีสมาชิกทริป (ยอด) เตรียมกล้วยหอมเอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วย ได้หลับประมาณห้าทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3
ตื่นตามนาฬิกาปลุกและขับรถพาสมาชิกรวม 4 คนไปที่งานวิ่ง ตั้งใจว่าจะรีบไปก่อนที่จะปล่อยตัวนักวิ่งระยะแรก แต่พบว่าปิดถนนเรียบร้อยแล้ว พอไปถึงถนนพัทยาสายหนึ่งได้ก็รีบจอดรถแถว ๆ ปากซอยพัทยา 6 แล้วจึงเดินต่อไปที่จุดปล่อยตัว ระหว่างเดินไปได้สักพัก ได้ยินสัญญาณการปล่อยตัววีลแชร์มาราธอน จึงหยุดยืนเพื่อปรบมือให้กำลังใจกับวีลแชร์มาราธอนทุกท่านจากใจ
พอเดินถึงงานได้สักพักก็ถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน (4.30น.) จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนอีกครั้ง เวลาได้เห็นนักวิ่งมาราธอนออกตัวแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจยังไม่รู้สินะ อ้อ ปิดท้ายขบวนนักวิ่ง 800 กว่าคนด้วย พี่จุ๋ง และคุณพ่อ ให้กำลังใจคุณพ่อพี่จุ๋งเต็มที่ครับ สู้ ๆ ครับ หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวผมและยอดแล้ว
เริ่มวิ่ง
ออกตัวช้า ๆ ตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 8 นาที พอวิ่งผ่านรถก็ลองดึงประตูดูว่าลืมล็อครถหรือเปล่า พบว่า... ล็อคแล้ว เออแสดงว่ายังไม่ขี้หลงขี้ลืมนัก หลังจากเริ่มวิ่งไปได้ประมาณกิโลกว่า ๆ รู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่เข่าและข้อเท้าซ้าย แต่อาการก็คลายไปเมื่อวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง คิดว่าคงเป็นเพราะวอร์มไม่ค่อยเยอะ ก็ยังดีที่ออกตัวแบบช้า ๆ หน่อย ร่างกายจะได้ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับการวิ่งทางในช่วงแรก (และพบว่าก็เป็นแทบตลอดเส้นทางนั่นแหละ) เป็นเนินยาว ๆ กันไปเลย ขึ้นลงภูเขากันตลอดทาง มีทางราบบ้างเป็นระยะพอให้ได้พัก ทางลงเนินก็จัด Negative Split ไป เช่น กิโลเมตรที่ 4 เป็นช่วงที่วิ่งเร็วที่สุดในครึ่งทางแรก (Pace 7:25) ตามมาด้วยกิโลเมตรที่ 7 (7:26) และกิโลเมตรที่ 9 (7:31)
ช่วงกิโลเมตรที่ 6 - 9 เป็นช่วงที่ต้องเจอกับนักวิ่งควอเตอร์ ในตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้าไปมั้ย เพราะโดนแซงแบบฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว แต่คนที่แซงจะเป็นนักวิ่งที่ไม่มี Bib อยู่ข้างหลัง เลยนึกได้ว่า อ้อ คงจะเป็นนักวิ่งควอเตอร์ เพราะเค้าให้ Bib แค่แผ่นเดียว แปะด้านหน้าอย่างเดียว หลังจากนักวิ่งควอเตอร์กลับตัวและวิ่งออกไปจากเส้นทางฮาล์ฟ ผมก็ได้วิ่งอย่างไม่ต้องพะวงมากนัก คือกลัวว่าจะไปขวางทางคนที่วิ่งเร็วกว่าแล้วทำเค้าล้มเพราะหลบเรา
กิโลเมตรที่ 10 ณ จุดให้น้ำ ผมหยุดพักเพื่อกิน Gu Gel รส Espresso พบว่า อร่อยกว่า Power Gel รส Vanilla เยอะเลย คราวที่แล้วยังรู้สึกจะแหวะกับ Power Gel รส Vanilla อยู่เลย แต่มาคราวนี้ประทับใจกับ Gu Gel รส Espresso สุด ๆ ถ้าเจออีกคงต้องซื้อยกแพค เพราะมีงานฮาล์ฟมาราธอนรออยู่อีกเพียบเลย
กิโลเมตรที่ 11 เป็นจุดกลับตัวของระยะฮาล์ฟมาราธอน ได้รับ Wristband สีฟ้าเป็นของที่ระทึกกลับบ้านด้วย และเนื่องจากเหลือระยะอีกครึ่งทาง และร่างกายบอกว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เหนื่อย บวกกับความห้าว จึงทำให้ลองวิ่งเร็วขึ้น พบว่าวิ่งเร็วขึ้นได้จนถึง กิโลเมตรที่ 16 (Pace เฉลี่ยประมาณ 7 นาทีนิด ๆ)
กิโลเมตรที่ 12 กว่า ๆ มีฝนตกปรอย ๆ พอวิ่งไปได้อีกแป๊บหนึ่งก็หยุด กิโลเมตรที่ 13 กว่า ๆ มี Ambulance เปิดหวอวิ่งสวนไป ในใจก็คิดว่าขอให้นักวิ่งปลอดภัยนะครับ
กิโลเมตรที่ 17 เริ่มเดินสลับวิ่งบ้าง เพราะรู้สึกว่าต้นขาและน่องมีปัญหานิดหน่อย
ช่วงที่ผ่านถนนคนเดิน |
กิโลเมตรที่ 19 ครึ่ง ช่วงผ่านถนนคนเดิน หยุดวิ่งเพราะเห็นพี่นักวิ่งจาก IRPC ที่อยู่ข้างหน้าหยุดและกระเผกออกจากทางวิ่ง คิดว่าน่าจะเป็นตะคริวที่น่อง จึงหยุดและถามพี่เค้าว่าให้ช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ไหมครับ พี่เค้าก็โอเค จึงได้ช่วยดันเท้าพี่เค้าประมาณ 2 - 3 นาทีจนกล้ามเนื้อคลาย และวิ่งต่อได้ จากนั้นผมก็วิ่งนำพี่เค้าไปพักนึง จนผมเริ่มไม่ไหวเอง จึงหยุดเดินและพี่เค้าก็วิ่งแซงไปในที่สุด ผมรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเพื่อนนักวิ่งระหว่างการวิ่งครับ (อย่างนี้ผิดกติกามั้ยอะ?)
เห็น Hilton ลิบ ๆ |
กิโลเมตรที่ 20 น่องเริ่มไม่ไหว น่าจะใช้แรงมากไปจะเกือบเป็นตะคริว เลยต้องวิ่งประคอง ๆ ไปจนเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด
เข้าเส้นชัย
สถิติส่วนตัววันนี้วิ่งได้ระยะ 21.3 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 46 นาที 29 วินาที Pace เฉลี่ย 7:49 นาทีต่อกิโลเมตร เป็นสถิติส่วนตัวใหม่ของระยะฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งถ้ายังไม่สามารถพัฒนาร่างกายให้ทนทานและแข็งแรงได้มากกว่านี้ก็ไม่น่าจะทำสถิติได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่แล้ว
รอบนี้เหรียญไม่หมด |
Wristband สวยดีนะ ชอบครับ |
บทสรุป
โดยรวมผมคิดว่าวันนี้ผมวิ่งได้ค่อนข้างดี ฟอร์มการวิ่งในช่วงกิโลเมตรที่ 11 - 16 ถือว่าสุดยอดเลย ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้น่าจะเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่
- การรักษาวินัยในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนอนไม่ดึก (แอบดึกไปวันนึงเพราะต้องทำงาน) ดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซ้อมพอประมาณ ไม่หนักจนเกินไป ดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะวิ่งเสมอ
- Compressports R2 ที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อน่องให้ทำงานได้อย่างดี แม้ว่าจะมีอาการตอนท้าย แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนวิ่งที่สุโขทัยมากทีเดียว
- Gu Gel รส Espresso ที่กิโลเมตรที่ 10 อร่อยและได้พลังงาน!
- การศึกษาการวิ่งเท้าเปล่ามาเล็กน้อย โดยนำมาทดลองปรับท่าวิ่งในช่วงที่วิ่งเร็ว พบว่าทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น