Sunday, July 21, 2013

Running Event 2013-07-21 : Pattaya Marathon 2013

ก่อนวิ่ง

พัทยามาราธอนเป็นงานวิ่งใหญ่งานหนึ่งประจำปี ตอนวางแผนว่าจะมาก็ไม่ได้ดูปฏิทินว่าตรงกับช่วงหยุดยาวพอดี ดังนั้นขามาจึงค่อนข้างลำบากเพราะรถติดบนมอเตอร์เวย์อย่างยาวนาน ออกจากบ้าน 11 โมง กว่าจะถึงที่พัก แถวนาเกลือก็ 4 โมงเย็นเลยทีเดียว เฮ้อ... เหนื่อยนะ

จากที่พักเห็น Centara Grand Mirage ด้วย สวยดี


แถมการเดินทางจากที่พักไปถึงงาน (Central Festival Pattaya Beach) เพื่อรับเสื้อ Bib และ Chip นั้นก็เหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย กว่าจะไปถึง และหาที่จอดรถได้ก็เมื่อยทีเดียว

คนล้นหลาม

ผมสมัครผ่านเวบ GAA ไว้ และมีอีเมลมาแจ้งว่าให้ไปติดต่อที่บูทของ GAA เพื่อรับของ เดินวนรอบแรกไม่เห็น (ตาถั่วเอง) พอเดินมาอีกรอบก็รู้ตัวว่าพลาดซะแล้ว เพราะตอนผ่านไปรอบแรกคนว่างโล่งโจ้ง แต่พอมารอบสองเจอทัวร์นักวิ่งจากจีนแถวยาวเหยียดเลย ก็ต่อแถวไป ของที่ได้สำหรับนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนคือ เสื้อ กระเป๋า Bib 2 ใบ (ติดด้านหน้าและด้านหลัง) และ Chip (ตอนกลับตัวได้ของที่ระทึกน่าสะสมเพิ่มด้วยนะ)

หลังจากรับของเรียบร้อย ก็ไปแวะเอาของที่สั่งไว้กับบูท BananaRunning คือ SpiBelt Endurance 1 เส้น, Compressports R2 ขนาด T3 จำนวน 2 คู่ กว่าจะเดินตามถนนด้านหน้าห้าง จนถึงร้านได้ก็นึกว่า เอ... เราเดินเลยร้านมาหรือยังนะ เพราะร้านเยอะมาก ๆ กลัวตาถั่วอีกรอบ และแล้วเดินจนจะสุดบริเวณที่จัดงานก็เจอบูทจนได้ งานนี้ท่าทางจะขายดีเพราะคนเต็มร้านไปหมด ได้รับของตามที่สั่งไว้เรียบร้อยก็ถึงเวลาหาอะไรกิน ตุนพลังงาน อ้อ ได้ซื้อ Gu Gel 2 ซองจากอีกร้านนึงด้วย รส Espresso กับ Blueberry เดี๋ยวตอนวิ่งจะบอกว่ารสชาติเป็นยังไง

อาหารเย็นวันนี้คือ Sizzler จัด Pasta ซะ 2 จาน คิดว่าน่าจะเพียงพอ (เพราะกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อิ่มเกิน) ก็รีบกลับไปที่พักเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้โดย ติด Bib เข้ากับเสื้อวิ่งของงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติด Chip เข้ากับรองเท้า ลอง Compressports R2 พบว่ารู้สึกกระชับดี น่าจะช่วยการวิ่งในวันรุ่งขึ้นได้ดี และสุดท้ายคือรีบนอน มีสมาชิกทริป (ยอด) เตรียมกล้วยหอมเอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วย ได้หลับประมาณห้าทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3

ตื่นตามนาฬิกาปลุกและขับรถพาสมาชิกรวม 4 คนไปที่งานวิ่ง ตั้งใจว่าจะรีบไปก่อนที่จะปล่อยตัวนักวิ่งระยะแรก แต่พบว่าปิดถนนเรียบร้อยแล้ว พอไปถึงถนนพัทยาสายหนึ่งได้ก็รีบจอดรถแถว ๆ ปากซอยพัทยา 6 แล้วจึงเดินต่อไปที่จุดปล่อยตัว ระหว่างเดินไปได้สักพัก ได้ยินสัญญาณการปล่อยตัววีลแชร์มาราธอน จึงหยุดยืนเพื่อปรบมือให้กำลังใจกับวีลแชร์มาราธอนทุกท่านจากใจ

พอเดินถึงงานได้สักพักก็ถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน (4.30น.) จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนอีกครั้ง เวลาได้เห็นนักวิ่งมาราธอนออกตัวแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจยังไม่รู้สินะ อ้อ ปิดท้ายขบวนนักวิ่ง 800 กว่าคนด้วย พี่จุ๋ง และคุณพ่อ ให้กำลังใจคุณพ่อพี่จุ๋งเต็มที่ครับ สู้ ๆ ครับ หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวผมและยอดแล้ว

เริ่มวิ่ง

ออกตัวช้า ๆ ตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 8 นาที พอวิ่งผ่านรถก็ลองดึงประตูดูว่าลืมล็อครถหรือเปล่า พบว่า... ล็อคแล้ว เออแสดงว่ายังไม่ขี้หลงขี้ลืมนัก หลังจากเริ่มวิ่งไปได้ประมาณกิโลกว่า ๆ รู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่เข่าและข้อเท้าซ้าย แต่อาการก็คลายไปเมื่อวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง คิดว่าคงเป็นเพราะวอร์มไม่ค่อยเยอะ ก็ยังดีที่ออกตัวแบบช้า ๆ หน่อย ร่างกายจะได้ค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับการวิ่ง

ทางในช่วงแรก (และพบว่าก็เป็นแทบตลอดเส้นทางนั่นแหละ) เป็นเนินยาว ๆ กันไปเลย ขึ้นลงภูเขากันตลอดทาง มีทางราบบ้างเป็นระยะพอให้ได้พัก ทางลงเนินก็จัด Negative Split ไป เช่น กิโลเมตรที่ 4 เป็นช่วงที่วิ่งเร็วที่สุดในครึ่งทางแรก (Pace 7:25) ตามมาด้วยกิโลเมตรที่ 7 (7:26) และกิโลเมตรที่ 9 (7:31)

ช่วงกิโลเมตรที่ 6 - 9 เป็นช่วงที่ต้องเจอกับนักวิ่งควอเตอร์ ในตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองวิ่งช้าไปมั้ย เพราะโดนแซงแบบฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว แต่คนที่แซงจะเป็นนักวิ่งที่ไม่มี Bib อยู่ข้างหลัง เลยนึกได้ว่า อ้อ คงจะเป็นนักวิ่งควอเตอร์ เพราะเค้าให้ Bib แค่แผ่นเดียว แปะด้านหน้าอย่างเดียว หลังจากนักวิ่งควอเตอร์กลับตัวและวิ่งออกไปจากเส้นทางฮาล์ฟ ผมก็ได้วิ่งอย่างไม่ต้องพะวงมากนัก คือกลัวว่าจะไปขวางทางคนที่วิ่งเร็วกว่าแล้วทำเค้าล้มเพราะหลบเรา

กิโลเมตรที่ 10 ณ จุดให้น้ำ ผมหยุดพักเพื่อกิน Gu Gel รส Espresso พบว่า อร่อยกว่า Power Gel รส Vanilla เยอะเลย คราวที่แล้วยังรู้สึกจะแหวะกับ Power Gel รส Vanilla อยู่เลย แต่มาคราวนี้ประทับใจกับ Gu Gel รส Espresso สุด ๆ ถ้าเจออีกคงต้องซื้อยกแพค เพราะมีงานฮาล์ฟมาราธอนรออยู่อีกเพียบเลย

กิโลเมตรที่ 11 เป็นจุดกลับตัวของระยะฮาล์ฟมาราธอน ได้รับ Wristband สีฟ้าเป็นของที่ระทึกกลับบ้านด้วย และเนื่องจากเหลือระยะอีกครึ่งทาง และร่างกายบอกว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เหนื่อย บวกกับความห้าว จึงทำให้ลองวิ่งเร็วขึ้น พบว่าวิ่งเร็วขึ้นได้จนถึง กิโลเมตรที่ 16 (Pace เฉลี่ยประมาณ 7 นาทีนิด ๆ)

กิโลเมตรที่ 12 กว่า ๆ มีฝนตกปรอย ๆ พอวิ่งไปได้อีกแป๊บหนึ่งก็หยุด กิโลเมตรที่ 13 กว่า ๆ มี Ambulance เปิดหวอวิ่งสวนไป ในใจก็คิดว่าขอให้นักวิ่งปลอดภัยนะครับ

กิโลเมตรที่ 17 เริ่มเดินสลับวิ่งบ้าง เพราะรู้สึกว่าต้นขาและน่องมีปัญหานิดหน่อย

ช่วงที่ผ่านถนนคนเดิน

กิโลเมตรที่ 19 ครึ่ง ช่วงผ่านถนนคนเดิน หยุดวิ่งเพราะเห็นพี่นักวิ่งจาก IRPC ที่อยู่ข้างหน้าหยุดและกระเผกออกจากทางวิ่ง คิดว่าน่าจะเป็นตะคริวที่น่อง จึงหยุดและถามพี่เค้าว่าให้ช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ไหมครับ พี่เค้าก็โอเค จึงได้ช่วยดันเท้าพี่เค้าประมาณ 2 - 3 นาทีจนกล้ามเนื้อคลาย และวิ่งต่อได้ จากนั้นผมก็วิ่งนำพี่เค้าไปพักนึง จนผมเริ่มไม่ไหวเอง จึงหยุดเดินและพี่เค้าก็วิ่งแซงไปในที่สุด ผมรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเพื่อนนักวิ่งระหว่างการวิ่งครับ (อย่างนี้ผิดกติกามั้ยอะ?)

เห็น Hilton ลิบ ๆ

กิโลเมตรที่ 20 น่องเริ่มไม่ไหว น่าจะใช้แรงมากไปจะเกือบเป็นตะคริว เลยต้องวิ่งประคอง ๆ ไปจนเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด

เข้าเส้นชัย

สถิติส่วนตัววันนี้วิ่งได้ระยะ 21.3 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 46 นาที 29 วินาที Pace เฉลี่ย 7:49 นาทีต่อกิโลเมตร เป็นสถิติส่วนตัวใหม่ของระยะฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งถ้ายังไม่สามารถพัฒนาร่างกายให้ทนทานและแข็งแรงได้มากกว่านี้ก็ไม่น่าจะทำสถิติได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่แล้ว

รอบนี้เหรียญไม่หมด


Wristband สวยดีนะ ชอบครับ

บทสรุป

โดยรวมผมคิดว่าวันนี้ผมวิ่งได้ค่อนข้างดี ฟอร์มการวิ่งในช่วงกิโลเมตรที่ 11 - 16 ถือว่าสุดยอดเลย ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้น่าจะเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย ได้แก่
  • การรักษาวินัยในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนอนไม่ดึก (แอบดึกไปวันนึงเพราะต้องทำงาน) ดื่มน้ำเยอะ ๆ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซ้อมพอประมาณ ไม่หนักจนเกินไป ดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะวิ่งเสมอ
  • Compressports R2 ที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อน่องให้ทำงานได้อย่างดี แม้ว่าจะมีอาการตอนท้าย แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนวิ่งที่สุโขทัยมากทีเดียว
  • Gu Gel รส Espresso ที่กิโลเมตรที่ 10 อร่อยและได้พลังงาน!
  • การศึกษาการวิ่งเท้าเปล่ามาเล็กน้อย โดยนำมาทดลองปรับท่าวิ่งในช่วงที่วิ่งเร็ว พบว่าทำให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น


Monday, July 15, 2013

Weekly Training Summary 2013-07-08 to 2013-07-14

วันอังคาร ตีแบด 2 เซต (พักตรงกลางเกือบครึ่งชั่วโมงน่าจะได้)

วันพฤหัสบดี วิ่งเร็วตอนเช้า 5km รู้สึกว่าเหนื่อยเกินจำเป็น

วิ่งช้าตอนเย็น 7.5km เพิ่งเคยทำ Double Run รู้สึกว่าตอนเย็นรอบหลัง ๆ วิ่งสบาย แต่ฝนดันตกแรงซะก่อน เลยไม่ได้วิ่งต่อ

วันเสาร์ วิ่งช้าตอนเช้า 5km รู้สึกว่า Double Run เมื่อวันพฤหัสบดียังส่งผลอยู่ ล้ามาก ๆ

วันอาทิตย์ วิ่งช้าตอนเช้า 10km ตอนวิ่งรอบสุดท้าย รู้สึกว่ายังวิ่งต่อไหว แต่ไม่อยากเสี่ยง เผื่อเจ็บขึ้นมาสัปดาห์หน้าจะอดวิ่งฮาล์ฟที่พัทยา

Tuesday, July 2, 2013

Running Event 2013-06-30 : Sukhothai Marathon

รายการนี้จัดโดย Unique Running เล็งไว้ได้พักใหญ่แล้ว กะว่าจะรอให้วิ่ง Columbia Trail Masters ที่เขาไม้แก้วเสร็จ ประเมินร่างกายแล้วจึงเลือกว่าจะสมัครควอเตอร์หรือฮาล์ฟมาราธอน แต่ปรากฏว่ามีบูธรับสมัครที่งาน Columbia Trail Masters ก็เลยคิดว่า "เอาวะ สมัครฮาล์ฟเลยแล้วกัน" ด้วยความคิดฉับพลันในวันนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องวิ่งฮาล์ฟในวันนี้

งานนี้มีผู้ติดสอยห้อยตามมา 1 คน แต่ไม่ได้วิ่งด้วย นั่นคือน้องสาวคนสวยของผมเอง ถือว่าพามาเที่ยวแก้เครียดก็แล้วกัน และได้พลขับรับ - ส่งจากโรงแรมไปยังงานวิ่งด้วย ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย

บูธรอแยล-ดี และ ซินเนอจี อร่อย!

Bib: M30 2018 และ Chip แบบติดกับ Bib

Garmin ไม่ผิด

หลังจากขับรถมาอย่างเมื่อยจากกรุงเทพฯ ถึง สุโขทัย เป็นที่เรียบร้อย เช็คอินที่พัก และรับ Bib ที่งาน Expo เสร็จก็ตั้งใจว่าจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย น้องสาวกด Garmin ประจำรถแล้วผมก็ขับตามที่ Garmin บอก ตอนที่ดู overview ก็รู้สึกแปลก ๆ นิดนึงตรงที่ทำไมทางมันดูโค้งเยอะจัง ประมาณขึ้นเขา แต่ไม่เป็นไร มันคงพาไปถูกที่แหละ

เมื่อเกือบจะถึง เห็นมีด่านกั้น จึงได้ลงไปถามเจ้าหน้าที่ มีบทสนทนาประมาณนี้

เจ้าหน้าที่ : "มาเที่ยวน้ำตกกันเหรอคะ"
น้องสาว : "มาเที่ยววัดโบราณค่ะ อยู่ตรงไหนคะเนี่ย ไม่เห็นมี"
เจ้าหน้าที่สวนกลับมาทันทีว่า : "อ๋อ นั่นคงจะเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ แต่ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติค่ะ มีแต่น้ำตก"
น้องสาวเหงื่อตก : "เอิ่ม... แล้วอุทยานประวัติศาสตร์ไปทางไหนคะ"
เจ้าหน้าที่ : "ก็กลับไปทางเดิมหนะค่ะ ประมาณ​ 60 กิโล"
น้องสาวเหงื่อตกยิ่งกว่าเดิม : "ค่ะ ขอบคุณค่ะ"


สีเขียวคือที่พักและงานวิ่ง
สีแดงคืออุทยานแห่งชาติ
สีน้ำเงินคืออุทยานประวัติศาสตร์ (เป้าหมายแท้จริง)

หลุดโลก

หลังจากนั้นเจ้าน้องสาวตัวดีของผมก็เดินหน้าเจื่อน ๆ มาที่รถแล้วบอกว่าต้องย้อนกลับไปทางเดิม โดยคิดว่าคงจะต้องโดนผมด่ายับแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้จะด่าน้องไปทำไม เพราะผมเองก็ได้ดูเส้นทางก่อนด้วย ก็รับผิดร่วมกันไปนะ ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไรย้อนก็ย้อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ๆ เพราะเข้าไปแล้วเหมือนหลุดไปอีกยังอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าใครยังไม่เคยมา แนะนำครับ


โบราณสถาน วัดเจดีย์เจ็ดแถว

อิฐในโบราณสถาน


โบราณสถาน วัดนางพญา

หิวอย่างสงบ

ขับรถและเดินอยู่ในอุทยานได้พักใหญ่ ท้องเริ่มร้อง จึงได้เวลาหาอะไรกินและกลับที่พักเพื่อเตรียมตัววิ่งในวันพรุ่งนี้ หาจาก Internet ได้มา 2 - 3 ร้าน ก็ลองขับไปเรื่อย ๆ พบว่าดูไม่ค่อยจะเปิดกัน (หรือปิดแต่หัววันก็ไม่แน่ใจ) ร้านสุดท้ายที่อยู่ใน List (เพราะอยู่ไกลสุด) คือร้านกุหลาบ หวังว่าจะโอเค ก็ขับรถตามที่ Garmin บอกไปที่ ต.หาดเสี้ยว ขณะที่กำลังขับรถไปก็เสพบรรยากาศและชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่ พบว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองเงียบ ๆ ใช้ชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง และ Mobile Internet ก็พอใช้ได้อยู่ ถ้ามี Internet (แบบมีสาย) แรง ๆ หละก็ น่ามาตั้งฐานทัพ Software Development ที่นี่มาก ๆ

ป้ายร้านกุหลาบ ณ หาดเสี้ยว


ฝันร้าย

หลังจากหลับไปประมาณสามทุ่มกว่า ระหว่างนอนฝันว่า DNF เพราะวิ่งผิดทางเนื่องจากวิ่งในทางวิ่งของระยะควอเตอร์ แทนที่จะวิ่งในเส้นทางของระยะฮาล์ฟ ถึงกับตกใจตื่น เฮ้อ... ท่าจะเกร็งหนักนะเนี่ย

ตื่นเช้า

หลังจากตื่นเพราะฝันร้ายก็หลับต่อ และตื่นตั้งแต่ตี 3 กว่า ๆ เพื่อหาพลังงานเข้าตัว เพราะต้องเริ่มวิ่ง 5.30น. ก็กินเท่าที่มี ไม่พกกระติกน้ำไปด้วย โดยใช้แก้วใบไม้ที่ได้มาจากภูเก็ตมาราธอนแทน เพราะคิดว่าน่าจะมีสถานีน้ำบริการดีตลอดทาง แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยก็ให้น้องสาวขับรถไปส่งที่งานวิ่ง เนื่องจากที่พักอยู่ในทางวิ่งมาราธอน จึงอยากไปถึงก่อนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสร้างควันให้นักวิ่งมาราธอน และจะได้ยืนให้กำลังใจขณะปล่อยตัวผู้กล้าฟูลมาราธอนทุกคนด้วย

เหล่าผู้กล้าฟูลมาราธอน

บรรยากาศอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตอนกลางคืน

หลังจากปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนแล้ว ก็เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่ง ผมจึงเดินเล่นภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ใกล้ ๆ ที่จัดงานวิ่ง ไม่กล้าไปไกลเพราะยังมืดอยู่มาก บรรยากาศภายในอุทยานดูขลังทีเดียว แอบขนลุกนิด ๆ ปีหน้าว่าจะเอารถมาจอดภายในงาน และขนกล้องมาถ่ายด้วย ใช้มือถือถ่ายไม่มันมือเลยอ้ะ

ใกล้เช้าแล้ว เลยมีแสงเติมมานิดหน่อย

ออกตัว

หลังจากวอร์มอัพเรียบร้อยก็ได้เวลาปล่อยตัวของนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 5... 4... 3... 2... 1... ปู๊นนน เริ่มออกวิ่งโดยตั้ง Virtual Pacer ไว้ที่ 7:15 แหม... หาญกล้านะจ๊ะ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโศกนาฏกรรมที่กิโล 19 ก็เป็นได้

วิ่งไปถ่ายไป

ข้าศึกบุกอีกแล้ว เห็นว่ามาเมืองหลวงเก่าใช่มั้ย บุกมาตั้งแต่กิโล 0 เลยทีเดียว แต่ก็ทน ๆ ไป ผ่านไป 2 กิโลก็ถอนทัพกลับ รอดไปวันนี้ บรรยากาศระหว่างทางวิ่งดีมาก อากาศดี แทบไม่มีรถปล่อยควันให้หงุดหงิดใจ นักวิ่งมากันไม่ค่อยเยอะ ผมชอบนะ เพราะผมเป็นโรคเกลียดความอึดอัด หนาแน่นของประชากร บรรยากาศดีแบบนี้ทำให้เริ่มอยากถ่ายรูป ก็วิ่งไปถ่ายรูปไป จังหวะการวิ่งก็จะเพี้ยน ๆ หน่อยเพราะเวลาถ่ายรูปก็ต้องหยุด ชักภาพเสร็จก็วิ่งต่อ สงสัยจะสาเหตุนี้ด้วยเลยทำให้ลำบากตอนท้าย ๆ

นาข้าวเขียวขจี

ออกอาการ

พอถึงกิโล 6 น่องซ้ายมีอาการกระตุกคล้ายจะเป็นตะคริวเล็กน้อย แต่คิดว่ายังไหว ระยะทางยังอีกยาวไกล ก็วิ่งประคองพยายามไม่ใช้น่องซ้ายอย่างรุนแรงนัก

บรรยากาศก็เขียว ๆ อย่างนี้ตลอดทาง

หมดแรง

ตั้งแต่กิโล 12 เป็นต้นไปแรงเริ่มหมดต้องเดินบ้างวิ่งบ้างตามจังหวะ ก็ไม่วิ่งตาม Pace ตอนซ้อมนี่หว่า สมน้ำหน้า

ที่จุดให้น้ำกิโล 14 มี Synergy ให้ดื่มด้วย เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี ซัดน้ำเปล่าไป 2 แด้ว Synergy อีก 2 แก้ว สบายไป ที่จุดนี้มีห้องน้ำให้บริการด้วย เข้าใจว่าเป็นห้องน้ำของรีสอร์ทที่อยู่บริเวณนั้นพอดี ขอบคุณสำหรับการให้ความสนับสนุนนักวิ่งครับ ขอโทษที่ลืมถ่ายรูปมาด้วย

ก่อนถึงกิโล 15 เล็กน้อยมี Check Point ให้วิ่งผ่าน โดยมีชาวต่างชาติคอยดูแลอยู่ ด้วยความที่เป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษมาก ก็ต้องโชว์ออฟเล็กน้อย "แท๊งกิ้ว" "เว้วคั่ม" คือคำตอบจากฝรั่ง


วิ่งช้าจัด ไม่เห็นฝุ่นคนข้างหน้าเลย


ทุกระยะ จงเลี้ยวโดยพร้อมเพรียงกัน

ที่จุดให้น้ำกิโล 17 เจอสาวนักวิ่งหนึ่งท่านพกแก้วใบไม้จากลากูน่ามาใช้เหมือนกัน ได้ทักทายกันเล็กน้อย แล้วเธอก็วิ่งจากไป คือ... ผมวิ่งไม่ทันเค้าหนะ เฮ้อ...

แดดสาด

ประมาณกิโล 18 แดดเริ่มแรง แถมมาทิศตรงหน้าระวังอีกต่างหาก ดีนะใส่หมวกมาด้วย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ


กิโลสิบแปด แดดสาด

หมดทุกเม็ด

พอถึงกิโล 19 ก็พบว่าน่องซ้ายไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถยกสูงจากพื้นได้มากนัก ยกสูงปุ๊บอาการคล้ายเป็นตะคริวตามมาทุกครั้ง เลยต้องเดินไป กะว่าจะวิ่งที่กิโล 20 จนถึงเส้นชัยให้ได้

กิโล 20 มีจุดให้น้ำสุดท้ายรออยู่ ซัดโฮกไป 2 แก้ว แล้วก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อเข้าเส้นชัยในท่าวิ่งให้ได้ และแล้วก็เข้าเส้นชัยได้ในที่สุด เย้!

น้องสาวบอกว่าเหมือนห้อยพระ

บทสรุป

ผมคิดว่าที่แรงหมด และกล้ามเนื้อเกือบเป็นตะคริวนั้น น่าจะเกิดจากการวิ่งอย่างไม่มีวินัยของผมเอง นึกจะเร่งก็เร่ง นึกจะหยุดก็หยุด การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง และกินน้ำน้อยเกินไปในวันก่อนวิ่ง คราวหน้าจะปรับปรุงครับ!

สถิติในการวิ่งครั้งนี้คือ 21.1 กิโลเมตร ในเวลา 2 ชั่วโมง 52 นาที (STRAVA imported data from Garmin) ดีกว่าฮาล์ฟครั้งแรก ก็โอเคนะ ^_^