Sunday, February 23, 2014

Running Event 2014-02-23 : Ao Dong Tan Half Marathon

Race #33 : Half Marathon #10 : Ao Dong Tan Half Marathon

Race Kit Collection Day
เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ​ 11 โมง แวะพักกิน Burger King ที่จุดพักกลางมอเตอร์เวย์ แล้วก็ตรงดิ่งไปที่กองเรือยุทธการ สัตหีบ ตอนรับ Race Kit มีปัญหาเล็กน้อย คือ เสื้อเบอร์ XL ไม่มี ให้เลือกระหว่าง L และ XXL เลยได้เบอร์ L มา ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะเบอร์ L หลวมนิดเดียว ใส่กำลังสบาย ถ้าไปเลือก XXL หละก็แย่แน่ ส่วนอีกปัญหาน่าจะเกิดจากโอนเงินช้าไป เจ้าหน้าที่เลยไม่ได้อัพเดตและเตรียม Bib ไว้ให้ จึงได้ Bib เลขใหม่เอี่ยม M4202 มา ได้ของเรียบร้อยจึงเดินทางไปที่พักที่จองไว้

งานนี้วิ่งที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่จองที่พักไว้ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พักข้ามจังหวัดเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะระยะทางจาก อ.บ้านฉาง มากองเรือยุทธการ สัตหีบ แค่ 16 กิโลเมตรเท่านั้น

"บ้านฉาง อพาร์ตเมนต์" คือที่พักในคราวนี้ เนื่องจากเป็นอพาร์ตเมนต์ที่มีคนอยู่ระยะเวลานาน ๆ ด้วย ทำให้ค่อนข้างถูกทางกับผม เพราะมีปลั๊กให้เยอะดี ตู้เย็นใหญ่ (แต่ก็ไม่ได้ใช้อะไร) มีโต๊ะกินข้าวแบบที่ใช้นั่งทำงานได้ มีทีวี (แต่ก็ไม่ได้เปิด) แอร์เย็นดีทีเดียว โดยต้องเปิดไว้ที่ 20 องศานะ เกินกว่านั้นเหมือนจะมีแต่ลม เสียอย่างเดียวผมรู้สึกว่ามีกลิ่นอับอยู่นิด ๆ ทั้งในตู้เสื้อผ้า และในห้อง แต่อยู่คืนเดียว 700 บาท ก็โอเคนะ

ตกเย็นต้องหาอะไรใส่ท้องเพื่อเตรียมพลังงานไว้สำหรับการวิ่งในวันพรุ่งนี้ ลองเดินดูแถว ๆ ที่พัก เนื่องจากอยู่ในแหล่งชุมชน พบร้านที่น่าจะให้พลังงานได้ดี คือร้าน "คิงคอง สเต็ก" กะจะเข้าไปกินพาสต้าเป็นหลัก แต่พอเห็นสเต็กแล้วก็ต้องสั่งนะน่ากินอยู่ กินสเต็กกันคนละจาน สปาเก็ตตี้อีกคนละจาน ตบท้ายด้วยมะกะโรนีอีกคนละจาน รวมทั้งหมด 2 คน 6 จาน กินกันอย่างกับจะไปวิ่งร้อยโล หลังจากกลับที่พักก็รอเวลาขึ้นอืดและอาบน้ำนอนตอนประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง โดยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 3 จะได้ตื่นมากินของที่เตรียมไว้คือ กล้วยตากพลังแสงอาทิตย์ และแลคตาซอย

วิ่งอย่างมีแผน
แผนการวิ่งวันนี้คือ แบกเป้น้ำวิ่ง 3 ชั่วโมง นั่นคือวิ่งช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบ เน้นให้ Time-on-foot ครบ 3 ชั่วโมง

นักวิ่งในความมืด
กำหนดเวลาปล่อยตัว 5.30น. ยังมืดอยู่ และเนื่องจากวิ่งช้า น่าจะไม่ทันกลุ่มแนวหน้าและแนวกลาง ซึ่งผมคิดว่าแถว ๆ กรมทหารน่าจะมีไฟตลอดทางวิ่งแหละนะ แต่... ผมคิดผิด มีอยู่หลายช่วงทีเดียวที่ไม่มีไฟ ต้องอาศัยความสว่างจากกระบองไฟ (สีแดง ๆ หนะครับ) และจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่ดูแลการแข่งขัน เพื่อบอกทิศทาง ต้องรอจนถึงเวลาประมาณ 6 โมงเกือบครึ่ง ฟ้าถึงจะสว่าง มองเห็นอะไร ๆ ได้ชัดเจน รู้งี้เอาไฟส่องกบมาด้วยดีก่า

เรือหลวงจักรีนฤเบศร
หนึ่งในไฮไลต์ของงานนี้คือการแวะชม "เรือหลวงจักรีนฤเบศร" ที่กิโลเมตรที่ 9 ก่อนที่จะวิ่งไปถึง ก็เห็นเรือแต่ไกลแล้วหละ และเห็นว่ามีคนอยู่บนเรือ ก็นึกว่า เอ... เค้าให้ขึ้นไปวิ่งบนเรือด้วยเหรอ ดูท่าจะลำบากนะ พอวิ่งไปเกือบถึงก็พอจะเดาได้ว่า อ้อ... กองเชียร์นี่เองที่อยู่บนเรือ น่ารักจริง ๆ ครับ ก่อนวิ่งผ่านได้ถ่ายรูปไว้ขณะเดิน แต่พอเข้าใกล้กองเชียร์ปุ๊บ กฎของนักวิ่งทำงานทันที "วิ่ง สิ วิ่ง!" ก็วิ่งผ่านกองเชียร์ ตบมือและผงกหัวขอบคุณกองเชียร์อย่างแข็งขัน พอลับตากองเชียร์ก็เดินสิครับ แหม่ ตอนเดินอยู่ว่าจะโพสรูปลง Instagram แต่สะกดชื่อเรือเค้าไม่ถูก ถึงกับต้องหาด้วย Google ก่อนจึงค่อยโพส เสียเวลาพอดู (ข้ออ้างนั่นแหละครับ)

วิธีดูเนิน
ช่วงกลับจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร กิโลเมตรที่ 11 ถึง 13 เป็นเนินขึ้นบ้างลงบ้างสลับกัน จนงง ๆ ว่าตอนนี้ตูขึ้นหรือลงเนินอยู่ แต่โชคดีที่มีรั้วอยู่ข้าง ๆ ทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้เราขึ้นหรือลง ดูรั้วเอา ง่ายดีนะ

เนินน้องเต่า
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานนี้ก็คือ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ที่กิโลเมตรที่ 17 ได้เจอน้องเต่ายักษ์ ถ่ายรูปเก็บไว้และน้องเต่าก็ส่งขึ้นเนินโคตรชัน ที่ไม่กล้าคิดจะวิ่ง แค่เดินก็ยากแล้ว

พี่ครับ ถุงเท้าครับ ทรีไทม์ส
ที่ประมาณกิโลเมตรที่ 19 พี่คนข้างหน้าทำถุงเท้าหล่น (เค้าถอดรองเท้าเพื่อวิ่งเท้าเปล่ากับกลุ่ม BBRC) ผมก็เก็บถุงเท้าแล้ววิ่งตามเค้าไปและบอกว่า "พี่ครับ ถุงเท้าครับ" พี่เค้าคงกำลังคุยอย่างเข้มข้นกับกลุ่ม BBRC เรื่องการวิ่งเท้าเปล่าอยู่เลยไม่ได้ยิน ผมก็เรียกอีกสองสามครั้งจนพี่เค้าได้ยินจนได้แหละ ด้วยความหวังดีครับ เดี๋ยวพี่จะไม่มีถุงเท้าใส่กลับ อิอิ

ถึงเส้นชัยโดยสวัสดิภาพ
เข้าเส้นชัย ที่ระยะทาง 20.2 กิโลเมตร (แหม่ ไม่ถึง 21) ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 55 นาที 53 วินาที ได้รับเหรียญเรียบร้อย แต่ของกินอย่าไปนึกถึง หมดเกลี้ยงอยู่แล้ว วิ่งช้าขนาดนี้

รีวิวงานวิ่ง
เส้นทางวิ่งปลอดโปร่งโล่งสบายดีครับ ถือว่าเอาปอดมาฟอกด้วยอากาศสะอาด ๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน และงานนี้เป็นอีกงานหนึ่งที่ผมประทับใจเรื่องการจัดการจราจร ไม่ว่าจะเพราะรถน้อยอยู่แล้วหรือยังไงก็เถอะ เอาเป็นว่าผมรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกลัวรถมาสอยกลางทางก็พอใจแล้วครับ น้ำมีให้บริการอย่างพอเพียง (ผมคิดว่าพอนะเท่าที่สังเกตดู เพราะไม่ได้ดื่มเอง เนื่องจากแบกเป้น้ำไป) เสียอยู่ 1 อย่างคือมีชาให้ดื่มแทนเครื่องดื่มเกลือแร่ (หรือผมหาเครื่องดื่มเกลือแร่ไม่เจอเองนะ)


Friday, February 14, 2014

Running Event 2014-02-08 : The Northface 100 Thailand 2014

Race #32 : 25k Trail : The Northface 100 Thailand 2014

Race Kit Collection Day
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 8 โมงเช้า แวะพักกินชานมปั่นที่ Amazon Cafe กลางทาง 1 ครั้ง แล้วก็ตรงดิ่งเข้าที่พัก "เรือนไม้งาม" บนถนนธนะรัชต์ ห้องพักแม้ไม่ทันสมัยใช้คีย์การ์ด แต่ก็พักได้สบาย ๆ สำหรับการพัก 1 คืนก่อนวิ่งในวันพรุ่งนี้ เมื่อเก็บของเรียบร้อยก็เดินทางไปกินข้าวกลางวันที่ "จันผา" จัดข้าวกันไปคนละจานสองจานจนอิ่มเพื่อพลังงานในวันพรุ่งนี้ ไปถึง "โบนันซ่า รีสอร์ท" ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ยังไม่ถึงเวลารับของจึงได้กรอกเอกสารอะไรสักอย่างที่น่าจะหมายถึงว่าถ้าเราประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง เราจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่เรียกร้องอะไรจากผู้จัดงาน (เดาเอา เพราะกรอกและเซ็นไปโดยที่ไม่ได้อ่าน... นิสัยเสียจริง ๆ ผม)

ออกตัวรอบสอง
นักวิ่ง 100k และ 50k ออกตัวพร้อมกันไปตั้งแต่เช้ามืดเรียบร้อยแล้ว ส่วน 25k ถูกแบ่งเป็น 2 รอบ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมต้องอยู่รอบแรก แต่คราวนี้มีน้องผู้หญิงมาวิ่งด้วยอีกคน (ทั้งทีมมี 4 คน คือ ผม ยอด ก้อยและพี โดยก้อยอยู่รอบหลังคนเดียว) เลยตัดสินใจว่าออกตัวพร้อมกันที่รอบหลังนี่แหละ ซึ่งก็ช้ากว่ารอบแรกแค่ 5 นาที ไม่ต่างกันมาก อีกเหตุผลก็คือพวกเราวิ่งกันช้าอยู่แล้ว ออกช้าก็ดีจะได้ไม่ต้องไปเกะกะใคร พอถึงเวลา 6.35น. จึงได้เริ่มวิ่งออกไปผจญภัยกัน

ในช่วงแรก ๆ พวกเราวิ่งเกาะกลุ่มกันไปเรื่อย ๆ ซักประมาณ 4 กิโลเมตร ผมเริ่มเพิ่มระยะห่างออกไปจนที่ 6 กิโลเมตรก็น่าจะไม่เห็นกันแล้ว แต่คิดว่าน้อง ๆ น่าจะวิ่งกันได้แหละ ก้อยมากับพีเค้าก็คงช่วยกันดูแลได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ขึ้นเขาเบา ๆ
ประมาณก่อนกิโลเมตรที่ 7 เล็กน้อยได้กลับมาพบกับนักวิ่ง 10k ทางวิ่งค่อนข้างฝุ่นเยอะ คงเพราะมีนักวิ่งหลักพันคน วิ่งร่วมกันได้ซัก 1 กิโลเมตรก็ถึงจุดแยก ซึ่งตรงนี้เห็นมีคนโพสบอกว่ามีนักวิ่ง 25k หลงวิ่งไปกับทางของ 10k ด้วย แต่ผมโชคดีที่เห็นมีกลุ่มนักวิ่ง Barefoot ยืนแยกออกมาจากทางวิ่ง 10k ไปยังทางที่ถูกต้องของ 25k พอวิ่งเข้าทางที่ถูกต้องผมก็เดินกินเจลก่อนที่จะเจอกับ Check point 1 (CP 1) ของทาง 50k ซึ่งเป็น CP ระหว่างทาง CP เดียวที่จะได้เจอ นอกนั้นจะเป็น Water Station ทั้งหมด

CP 1 อยู่ตรงทางแยกที่นักวิ่งจะต้องขึ้นเขาลูกเล็กเพื่อวนกลับมาที่ CP 1 อีกครั้ง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยเป็นทางขึ้นเขาและลงเขาอย่างละครึ่ง ขาขึ้นก็ค่อย ๆ วิ่งบ้างเดินบ้างตามประสา แต่ขาลงนี่ใส่กันกระจาย เพื่อทำเวลาคืน โดยช่วงขาลงของผมสวนกับก้อยและพีที่วิ่งคู่กัน ทำให้ทราบว่าตอนนี้อยู่ห่างกันประมาณ​ 3 กิโลเมตร ส่วนยอดคิดว่าคงอยู่ในช่วงที่อ้อมเขาพอดีเลยไม่ได้สวนกัน

เขาหินโหด
หลังจากวิ่งลงเขากลับมาที่ CP 1 อีกครั้ง ก็ได้พักกินเครื่องดื่มเกลือแร่ไปนิดหน่อย ก่อนที่จะเลี้ยวขวาไปเจอเขาหินโหด ตัวจริงเสียงจริง ผมจำได้ว่าน้องอะลิผู้จัดงานบอกว่าจุดที่โหดที่สุดของงานนี้คือ กิโลเมตรที่ 13 ซึ่งนั่นก็คือ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้นี่แหละ มันคือทางขึ้นเขาชัน โดยต้องเดินเลียบผา ที่พร้อมจะผลักเราตกเขาไปทุกเมื่อ (เว่อไปมะ) ทำให้ต้องเดินเรียงเดี่ยวกันไปเท่านั้น ช่วงนั้นมีคณะร่วมกันประมาณ 7 คน ก็ค่อย ๆ เดินตามกันไปเรื่อย ๆ คุยกันเฮฮาตามประสานักวิ่งเทรล เป็นความสุขที่ไม่ค่อยได้พบในการวิ่งทางเรียบ

สิริรวมแล้ว เสียเวลากับช่วงกิโลเมตรที่ 12 - 14 บนเขาสูงชันไปประมาณ 40 - 50 นาทีเลยทีเดียว

นักเดินสลับวิ่ง
หลังจากลงเขามาก็ไม่มีเส้นทางที่เร้าใจมากนัก แต่พยายามวิ่งออมแรง โดยสังเกต HR ไว้เรื่อย ๆ พยายามให้ไม่เกิน 170 จึงต้องเดินสลับวิ่งไปเรื่อย ๆ จนถึงระยะ 500 เมตรสุดท้าย ตั้งใจวิ่งให้ถึงเส้นชัย พบน้องอะลิ ยืนเชียร์ผู้แข่งขันผู้พอดี ได้ทักทายก่อนเข้าเส้นชัยไปแบบสบาย ๆ

งานนี้ทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 51 นาที ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจสำหรับหอยทากนักวิ่งอย่างผม

รอน้อง ๆ อีก 3 คน เพื่อจะได้แสดงความยินดีตอนเข้าเส้นชัย 25k Trail ครั้งแรกในชีวิตของทั้งสาม ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดที่ทั้งสามคนวิ่งอีกด้วย ยอดเข้าเส้นชัยมาก่อน ตามด้วยก้อยและพี ที่ผมเป็นห่วงมากว่าก้อยจะผ่านเขาหินโหดมาได้อย่างปลอดภัยมั้ย ซึ่งก็ปลอดภัยดี แต่ดูท่าทางใช้พลังกันไปมากทีเดียว แต่คิดว่าน่าจะชอบนะ หุหุ

หลังจากเข้าเส้นชัย
สิ่งแรก ๆ ที่ผมคิดหลังจากเข้าเส้นชัยก็คือ ปีหน้าจะมาอีกและต้องเพิ่มระยะแน่นอน ส่วนจะเป็น 50 หรือ 100 นั้นยังไม่ทราบ เพราะเส้นทาง 50 ปีนี้ (เส้นทาง 100 คือวิ่ง 50 สองรอบ) โหดมาก และจำกัดเวลาที่ 18 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เข้าเส้นชัยระยะ 100 กิโลเมตร ทันเวลาเพียง 49 คน จากทั้งหมด 117 คน ผมคิดว่าด้วยศักยภาพของตัวเอง ณ ตอนนี้คงได้แค่ 50 ส่วน 100 ฝันไปก่อน

นอกจากความคิดในการร่วมงาน TNF100 Thailand 2015 แล้ว ยังอินต่อมาอีกหลายวันโดยสิงอยู่ในห้อง Trail & Ultra Runners in Thailand ใน Facebook ซึ่งมีพี่ ๆ น้อง ๆ นักวิ่งเทรลมาแบ่งปันประสบการณ์กันมากมาย ได้รู้จัก UTMF, UTMB, HK100 และรหัสชื่องานอื่น ๆ อีกมากมาย รู้ว่าต้องมีการเก็บคะแนนเพื่อที่จะร่วม งานใหญ่ ๆ บางงาน โอยยย... มันช่างท้าทายยิ่งนัก เวลาว่าง ๆ ก็ต้องเปิดดูข้อมูลงานอัลตร้าเทรล เป้น้ำ Trekking Pole และอื่น ๆ ทำให้ผมคิดว่า ผมหนะอยากวิ่งอัลตร้าเทรล มากกว่าที่จะก้าวไปทางไตรกีฬานะ

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว การเตรียมตัวสำหรับการวิ่งเทรล 100 กิโลเมตรจึงเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ เป็นกำลังใจให้หอยทากนักวิ่งตัวนี้ด้วยนะครับ